Recommended
ไม่แจ้งตม.30 มีความผิดตามกฎหมาย!?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะปล่อยห้องพักให้ชาวต่างชาติเช่าแล้วล่ะก็ สิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้ก็คือ ทุกครั้งที่มีชาวต่างชาติมาเข้าพัก เจ้าของห้อง จำเป็นต้องแจ้งตม.30 เพื่อรายงานการเข้าพักของชาวต่างชาติ “ทุกคน” ต่อกรมการตรวจคนเข้าเมือง “ภายใน 24 ชม.” นับตั้งแต่ชาวต่างชาติผู้นั้นเข้าพักด้วย . จริง ๆ กฎหมายข้อนี้ก็ได้บังคับใช้มานานแล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เพียงเจ้าของโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์เท่านั้นที่ต้องแจ้ง แต่คนที่ปล่อยห้องเช่า หรือ คนทั่วไปที่มีครอบครัว เพื่อน หรือ คนรู้จักที่เป็นชาวต่างชาติมาพักอาศัยก็จำเป็นต้องแจ้งด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันพวกลักลอบเข้าเมืองหรือผู้ร้ายข้ามแดนนั่นเองค่ะ . แล้วถ้าไม่แจ้งหรือแจ้งไม่ทันจะเป็นอย่างไร? ถ้าไม่อยากเซอร์ไพรส์หน้างาน เราตามมาดูกันดีกว่าว่าจะต้องเจออะไรบ้างหากไม่แจ้ง . ตามกฎหมาย ระบุไว้ว่า ถ้าเจ้าของห้องพักไม่แจ้งตม. 30 หรือไม่แจ้งว่ามีชาวต่างชาติมาเข้าพักอาศัยในห้องเช่าของตัวเอง จะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องโดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท ต่อชาวต่างชาติ 1 คน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีชาวต่างชาติมาเช่าห้องของเรา 2 คน และเราไม่ได้แจ้งตม.30 ภายใน 24 ชม. ก็จะต้องโดนโทษปรับ 2,000 x 2 = 4,000 บาท . ทั้งนี้ อีกหนึ่งข้อที่ต้องรู้ก็คือ หากชาวต่างชาติคนนั้น เดินทางออกนอกประเทศ หรือ เดินทางไปพักที่อื่น แล้วกลับมาพักกับเราใหม่ แม้ออกไปเพียงไม่กี่วัน เราก็จะต้องรายงานตม.30 ใหม่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้น จะถือว่าเราฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องถูกปรับอยู่ดี เนื่องจากละเลยในการรายงานต่อเจ้าหน้าที่ . ดังนั้น หากใครจะปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการแจ้งตม.30 กันด้วยนะคะ และสำหรับหลายๆ ท่านที่ปล่อยเช่าผ่านเอเจนซี ก็ควรจะเลือกเอเจนซีที่ไว้วางใจได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในทางกฎหมายก็คือเจ้าของห้อง
Read More Hot!! ขายไม่หยุดกับ Mulberry Grove Sukhumvit
Hot แค่ไหนถามใจดู ขายดีอย่างต่อเนื่องกับโครงการ Mulberry Grove Sukhumvit ทั้งตลาดจีนตลาดญี่ปุ่น ลูกค้าหรือเอเจ้นท์ท่านไหนสนใจ ติดต่อกันมาได้เรื่อยๆเลยนะจ๊ะ ของดีมีน้อย โครงการคุณภาพ หมดแล้วจะเสียใจ แอดไม่อยากให้พลาดบริษัทเอเจ้นท์คอนโดสัญชาติไทย-ญี่ปุ่น “Shinyu Real Estate” สนใจคอนโดราคาพิเศษ และบริการแบบ One Stop Service Buy / Sell / Rent / Inspection / Interior / Management Website : www.shinyurealestate.com Youtube : https://bit.ly/31rjlk2 Wechat : shinyurealestate Instagram : https://bit.ly/3khuECN LINE@ : https://lin.ee/536xXCX Tel : 02-001-3033
Read More ลดค่าโอนและค่าจดจำนอง โอกาสทองในวิกฤตอสังหาฯ จริงหรือ!?
เมื่อไม่นานมามีทางรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมาตรการนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ทั้ง บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม กันมากขึ้น เพราะที่มาในปีนี้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว กำลังซื้อหด ทำให้ตลาดอสังหาฯ ซบเซาตามไปด้วย โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ค้างอยู่ในสต็อกกว่า 50% . อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังต่อไปนี้ . ในส่วนของข้อดี มาตรการนี้ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในกลุ่มผู้ซื้อระดับรายได้น้อย-ปานกลาง และผู้ที่มีเงินเย็น เพราะสามารถลดภาระต้นทุนในการซื้ออสังหาฯ ลงไปได้ เรียกได้ว่าอาจเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้ออสังหาฯ เพราะนอกจากจะได้ลดค่าโอน-ค่าจดจำนองแล้ว ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต้องหาโปรโมชันต่างๆ มาลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสำหรับผู้ประกอบการที่ถืออสังหาฯ ที่ระดับระคาต่ำกว่า 3 ล้านเอง ก็จะสามารถระบายสต็อกออกได้มากขึ้นจากมาตรการนี้ . ถึงกระนั้น ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว แค่มาตรการนี้อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้ ฟื้นคืนดังเดิม เนื่องจากมาตรการนี้ไม่ได้ครอบคลุมทุกระดับราคาของอสังหาฯ แต่จะเน้นไปที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคานี้ก็จะอยู่แค่เพียงในกลุ่มของ ทาวน์เฮ้าส์ และ คอนโดมิเนียม รอบนอกกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เท่านั้น และถึงจะเป็นกลุ่มใหญ่ในตลาดแต่ก็น่าจะไม่มากพอที่จะส่งผลต่อตลาดมากนัก ถ้าเทียบกับการออกมาตรการที่ครอบคลุมทุกระดับราคา ซึ่งเคยมีมาตรการนี้ออกมาเมื่อปี 2558 . นอกจากนี้ ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ยังซบเซาอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ผู้บริโภคก็ยังคงไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนมากกว่ากลุ่มไหน ตลอดจนปัญหาเรื่องการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร และหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง . จะเห็นได้ว่าแม้มาตรการฟังผิวเผินแล้วดูดี แต่ก็อาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคัก เนื่องจากมาตรการยังคงไม่ครอบคลุม และยังคงมีปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
Read More




