Recommended
ปล่อยเช่าห้องพักแบบไหน มัดใจชาวญี่ปุ่น
ลองคิดดูว่าหากเราต้องไปพักอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ที่มีทั้งความต่างเรื่องภาษา วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ เป็นระยะเวลานาน สิ่งใดที่เราต้องการและคิดถึงมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น “สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่พักอาศัย หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ สบายใจและรู้สึกปลอดภัยนั่นเอง เช่นเดียวกัน เมื่อคนญี่ปุ่นย้ายเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมองหาห้องพักที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตมากที่สุด ที่ที่จะทำให้เขารู้สึกสะดวกกายสบายใจ ที่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรจากบ้านของตัวเอง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ ’ห้องพัก’ นั้น ‘มัดใจ’ ชาวญี่ปุ่นได้นั้น จะมีอะไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ . น้อยแต่มาก มัดใจด้วยห้องแบบ “มินิมอลสไตล์” คนญี่ปุ่นนั้นให้สำคัญกับการอยู่ร่วมอาศัยอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ จึงมีพื้นฐานการออกแบบบ้านมาจากความเชื่อแบบ ‘Zen’ คือออกแบบให้เรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตรกับธรรมชาติ ดังนั้น หากจะตกแต่งห้องพักสำหรับปล่อยเช่าคนญี่ปุ่น คุณอาจลองมองหาเฟอร์นิเจอร์อย่างพวก ชั้นวางของ ฉากกั้น โต๊ะ เก้าอี้ ของตกแต่ง ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ อย่างเช่นไม้ ไม้ไผ่ หรือผ้าฝ้าย อย่างไรก็ตามไม่ควรจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นเกินไปจนทำให้ห้องอึดอัด ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ วอลเปเปอร์ หรือ พื้น ควรเป็นสีอ่อน หรือ สีกลางๆ ไม่ฉูดฉาด อย่างเช่น สีขาว สีครีม หรือ สีน้ำตาล เพราะจะช่วยให้ความรู้สึกเรียบง่ายและสงบ . “ห้องน้ำ” สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ‘การอาบน้ำ’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยคนญี่ปุ่นมักจะคุ้นชินกับการอาบน้ำแบบญี่ปุ่น หรือ ‘Ofuro’ ซึ่งเป็นการแช่น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำ ไม่ว่าบ้านจะเล็กหรือใหญ่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เพราะสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วการอาบน้ำไม่ใช่เพียงแค่การชำระร่างกายให้สะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ผ่อนปรนความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวอีกด้วย สำหรับใครที่อยากปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นก็ควรให้ความสำคัญกับ ‘ห้องน้ำ’ ถ้าจะให้ดีควรมีอ่างอาบน้ำ แต่หากไม่มีอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมี ‘เครื่องทำน้ำร้อน’ และ ‘เครื่องกรองน้ำสำหรับอาบน้ำ ไว้อำนวยความสะดวก . เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า #ของมันต้องมี โดยปกติแล้วชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยมักจะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นแบบนี้มักนิยมทำอาหารรับประทานกันเอง ดังนั้น เราซึ่งจะเป็นผู้ปล่อยเช่า ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะมีเครื่องครัวพื้นฐานอำนวยความสะดวกให้อย่างเช่น เตาไฟฟ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องต้มน้ำร้อน ชุดหม้อ-กระทะ ตลอดจนชุดจานชาม ตะเกียบ ช้อนส้อม ...
Read More ไวรัสโคโรน่าส่งผลอย่างไรต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย?
สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์อย่างที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ สงครามการค้าอิหร่าน-สหรัฐฯ เงินบาทแข็งค่า มาตรการ LTV ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายใน ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นและอัตราการซื้อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนและผู้ซื้อต่างชาติ . สำหรับตลาดที่เราจะโฟกัสในวันนี้คือตลาดผู้ซื้อและนักลงทุนชาวจีนที่เรียกได้ว่าเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดอสังหาฯในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ ทั้งเรื่องข้อจำกัดในการนำเงินออกนอกประเทศ เงินบาทที่แข็งค่า และในวันนี้ปัจจัยสำคัญที่เราต้องเผชิญและเรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาฯมากพอสมควรคือ “ไวรัสโคโรนา” . ผู้ซื้อและนักลงทุนชาวจีนหายไปจากตลาดอสังหาฯ ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่เป็นวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจากตลาดเกือบหมดกระทบต่อตลาดอสังหาฯประเภทปล่อยเช่า ทั้งเซอวิสอพาร์ทเม้น โรงแรม ฯลฯ ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยเนื่องจากในช่วงหยุดยาวชาวจีนใช้เงินในการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด . สำหรับผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้กระทบโดยตรงต่อจำนวนผู้ซื้อชาวจีน แต่หากมองกลับกันกลับพบว่า จากที่ประเทศจีนมักเกิดปัญหาโรคระบาดร้ายแรงบ่อยครั้ง เช่น โรคซาร์ส จะทำให้ชาวจีนบางส่วนหันมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 รับมือหากเกิดโรคระบาดร้ายแรงในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีคนจีนบางส่วนย้ายมาอาศัยในประเทศไทยในช่วงที่จีนประสบปัญหา . การเกิดขึ้นของปัญหาและอุปสรรคบางครั้งมันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากเราศึกษาข้อมูลให้ดี และวางแผนเพื่อรับมือกับมันได้อย่างครอบคลุม ก็จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาและผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี
Read More ก่อนลงทุนต้องรู้จักกับ ‘อัตราการดูดซับ’
หลายต่อหลายครั้งเราเห็นคำว่า ‘อัตราการดูดซับ’ ปรากฏบนข่าว ซึ่งบางทีก็อาจสร้างความสงสัยให้กับผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ว่ามันคืออะไร วันนี้เราจะมาไขข้องสงสัยกันค่ะ . อัตราการดูดซับ หรือ Absorption Rate คือ ดัชนีชี้วัด ‘ความต้องการ’ หรือ ‘อุปสงค์’ ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ว่าในทำเลนั้นๆ หรือ ตลาดของอสังหาฯ แต่ละประเภท เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยการนำหน่วยที่ขายได้ หารด้วยจำนวนยูนิตทั้งหมดที่โครงการมี ยิ่งค่าสูง แสดงว่ายังเป็นที่ต้องการมาก . อัตราการดูดซับนี้ เป็นหนึ่งในดัชนีที่ใช้คาดการณ์ภาวะธุรกิจ (Business Expectation Index) ซึ่งโดยส่วนมากทางภาครัฐจะเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลตัวเลขเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อให้เห็นถึงจุดสูงสุดและต่ำสุดของเศรษฐกิจในประเทศ และติดตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ในบางครั้ง ทางผู้พัฒนาอสังริมทรัพย์เองก็มีการเก็บรวมรวบข้อมูลตัวเลขเกี่ยวกับโครงการของตน เพื่อคำนวณออกมาเป็นอัตราการดูดซับเช่นเดียวกัน . ตัวอย่างเช่น ครึ่งแรกของปี 2562 อัตราการดูดซับของที่อยู่อาศัยทุกประเภท ต่ำสุดในรอบ 5 ปี สำหรับบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด อัตราการดูดซับอยู่ที่ 2.6% อาคารชุด อยู่ที่ 4.8% และ ทาวน์เฮาส์ อยู่ 2.9% แสดงว่าคนมีความต้องการซื้ออสังหาฯ น้อยลง โดยประเภทของอสังหาฯ ที่คนมีความต้องการจะซื้อมากที่สุดก็คืออาคารชุด . เราสามารถนำข้อมูลนี้มาพิจารณาต่อได้ เช่น ถ้าเราอยากลงทุนปล่อยเช่า เราอาจเลือกเจาะไปที่การปล่อยเช่าอาคารชุดมากกว่าบ้านเดี่ยว เป็นต้น แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะในภายรวมของสถานการณ์ปัจจัยคาดว่าการซื้อที่อยู่อาศัยทุกกลุ่มชะลอตัวลง . อย่างไรก็ตาม เราสามารถนำอัตราการดูดซับ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล ไว้ศึกษาตลาด ก่อนลงทุนเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อดูว่าโครงการมีแนวโน้มเปิดตัวมาแล้วได้รับความนิยมหรือไม่ ควรเดินหน้าลงทุนกับโครงการนี้หรือเปล่านั่นเองค่ะ
Read More




