ปล่อยเช่าห้องพักแบบไหน มัดใจชาวญี่ปุ่น

ลองคิดดูว่าหากเราต้องไปพักอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ที่มีทั้งความต่างเรื่องภาษา วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ เป็นระยะเวลานาน สิ่งใดที่เราต้องการและคิดถึงมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น “สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่พักอาศัย หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ สบายใจและรู้สึกปลอดภัยนั่นเอง เช่นเดียวกัน เมื่อคนญี่ปุ่นย้ายเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมองหาห้องพักที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตมากที่สุด ที่ที่จะทำให้เขารู้สึกสะดวกกายสบายใจ ที่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรจากบ้านของตัวเอง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ ’ห้องพัก’ นั้น ‘มัดใจ’ ชาวญี่ปุ่นได้นั้น จะมีอะไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ . น้อยแต่มาก มัดใจด้วยห้องแบบ “มินิมอลสไตล์” คนญี่ปุ่นนั้นให้สำคัญกับการอยู่ร่วมอาศัยอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ จึงมีพื้นฐานการออกแบบบ้านมาจากความเชื่อแบบ ‘Zen’ คือออกแบบให้เรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตรกับธรรมชาติ ดังนั้น หากจะตกแต่งห้องพักสำหรับปล่อยเช่าคนญี่ปุ่น คุณอาจลองมองหาเฟอร์นิเจอร์อย่างพวก ชั้นวางของ ฉากกั้น โต๊ะ เก้าอี้ ของตกแต่ง ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ อย่างเช่นไม้ ไม้ไผ่ หรือผ้าฝ้าย อย่างไรก็ตามไม่ควรจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นเกินไปจนทำให้ห้องอึดอัด ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ วอลเปเปอร์ หรือ พื้น ควรเป็นสีอ่อน หรือ สีกลางๆ ไม่ฉูดฉาด อย่างเช่น สีขาว สีครีม หรือ สีน้ำตาล เพราะจะช่วยให้ความรู้สึกเรียบง่ายและสงบ . “ห้องน้ำ” สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ‘การอาบน้ำ’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยคนญี่ปุ่นมักจะคุ้นชินกับการอาบน้ำแบบญี่ปุ่น หรือ ‘Ofuro’ ซึ่งเป็นการแช่น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำ ไม่ว่าบ้านจะเล็กหรือใหญ่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เพราะสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วการอาบน้ำไม่ใช่เพียงแค่การชำระร่างกายให้สะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ผ่อนปรนความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวอีกด้วย สำหรับใครที่อยากปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นก็ควรให้ความสำคัญกับ ‘ห้องน้ำ’ ถ้าจะให้ดีควรมีอ่างอาบน้ำ แต่หากไม่มีอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมี ‘เครื่องทำน้ำร้อน’ และ ‘เครื่องกรองน้ำสำหรับอาบน้ำ ไว้อำนวยความสะดวก . เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า #ของมันต้องมี โดยปกติแล้วชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยมักจะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นแบบนี้มักนิยมทำอาหารรับประทานกันเอง ดังนั้น เราซึ่งจะเป็นผู้ปล่อยเช่า ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะมีเครื่องครัวพื้นฐานอำนวยความสะดวกให้อย่างเช่น เตาไฟฟ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องต้มน้ำร้อน ชุดหม้อ-กระทะ ตลอดจนชุดจานชาม ตะเกียบ ช้อนส้อม ...
อ่านต่อ

5 สิ่งพึงระวัง หากอยากปล่อยเช่าให้ราบรื่น!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจปล่อยเช่าคอนโดเป็นธุรกิจที่ใครหลายคนให้ความสนใจ เพราะถือได้ว่า เป็นธุรกิจ “เสือนอนกิน” เพียงแค่ลงทุนหนึ่งครั้งก็สามารถมี ‘Passive Income’ ไปได้ตลอด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกการลงทุนนั้นจะประสบความสำเร็จ ถ้า “เสือ” ไม่ระวัง ก็อาจโดนธุรกิจนี้ “กิน” เสียเอง ดังนั้น วันนี้เรามี 5 สิ่งที่ผู้ปล่อยเช่ามือใหม่ควรพึงระวังไว้ หากอยากปล่อยเช่าให้ราบรื่นมาฝากกันค่ะ . ศึกษาโครงการให้ดีก่อนลงทุน ทำเล รูปแบบห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นสิ่งสำคัญที่ควรศึกษาเกี่ยวกับโครงการนั้น ๆ ก่อนที่คิดจะลงทุน ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะศึกษา ก็คือควรดูว่าห้องนั้นอยู่ในทำเลที่ดีหรือไม่ สะดวกต่อการเดินทางไหม มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบหรือเปล่า เช่นใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า ตลอดจน ทิศของห้องหันไปทางที่มีแสงหรือเปล่า โดนตึกอื่นบล็อกไหม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ปล่อยเช่าง่ายหรือยากด้วย . ระวังค่าเช่าไม่สอดคล้องกับตลาด อย่าเพิ่งหลงเชื่อเวลาที่มีคนบอกว่าคอนโดนี้การันตีค่าเช่าที่สูง เพราะคุณอาจไม่ใช่คนเดียวที่เขาบอกแบบนั้น ลองนึกภาพว่าถ้านักลงทุนจากทุกที่มารุมซื้อคอนโดแห่งเดียวกันและปล่อยเช่าในราคาสูง สวนทางกับตลาด สุดท้ายแล้ว คุณก็จะปล่อยเช่าไม่ได้ ไหนจะต้องเจอคู่แข่งอีกมหาศาล เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลดราคาค่าเช่า และขาดทุนในท้ายที่สุด . ค่าเช่าดี ราคาขายต้องได้ อีกหนึ่งข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กู้เงินมาลงทุนปล่อยเช่าก็คือ ควรศึกษาแนวโน้มของโครงการนั้นให้ดีว่า นอกจากจะได้ค่าเช่าที่ดีแล้ว ราคาขายก็ควรจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้าเรากู้เงินจากธนาคารมาลงทุน ก็เท่ากับว่าเงินค่าเช่าที่เราได้ก็จะต้องนำไปจ่ายคืนให้ธนาคารหมด ใช้เวลานานกว่าจะได้กำไรคืน ดังนั้น ในกรณีควรดูด้วยว่าการลงทุนกับสินทรัพย์นี้จะได้ราคาขายที่ดีต่อไปในอนาคต . รู้เขา รู้เรา ตรวจสอบผู้เช่าก่อนปล่อยเช่า เมื่อมีผู้เช่าติดต่อมาขอเช่า อย่าพึ่งหลงดีใจตกปากรับคำ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้เช่าให้ดีเสียก่อน เพราะบางทีอาจเกิดปัญหาตามมาได้เช่น ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา ทำกิจกรรมที่เป็นข้อห้ามของคอนโด ฯลฯ ดังนั้น ก่อนที่จะทำข้อตกลง ควรสอบถามประวัติผู้เช่า เพื่อที่จะได้ทราบว่าเขาเป็นใคร มีสถานะการงานและการเงินเป็นอย่างไร มีกิจกรรมพิเศษอะไรที่ทำในห้องบ้างหรือเปล่า เช่น การสูบบุหรี่ หรือ เลี้ยงสัตว์ เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจอยู่ในข้อห้ามของคอนโด หรือ ทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน จนอาจเลยเถิดไปถึงขั้นที่ต้องเสียค่าปรับ . ระวังเรื่องกฎหมายและการทำสัญญา สัญญาที่ทำกับผู้เช่าควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร ครอบคลุม ชัดเจน รัดกุม ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าถ้าเกิดความเสียหายในส่วนไหน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เราเสียเปรียบและป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต ทั้งนี้เรื่องกฎหมายก็ต้องศึกษาให้ดี เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งเรื่องการเสียภาษี ค่าธรรมเนียม ...
อ่านต่อ

รู้ผลตอบแทนการเช่าง่ายๆ ผ่าน 3 วิธีคำนวณ Rental Yield

หากใครมีความคิดที่จะลงทุนปล่อยเช่าคอนโด หนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนเลยนั่นก็คือผลตอบแทนที่จะได้รับ เพราะถ้าไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ถี่ถ้วนการลงทุนเพื่อ ‘ผลกำไร’ อาจกลายเป็น ‘ขาดทุน’ ไปได้ไม่ยาก โดยวันนี้เราจะมาสอนวิธีคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า หรือ ‘Rental Yield’ กัน ก่อนจะเริ่มไปคำนวณ เรามารู้เกณฑ์กันก่อนว่าเราต้องได้ผลเฉลี่ยออกมาเท่าไหร่ถึงจะถือว่าการลงทุนนี้ได้รับผลตอบแทน ‘ดี’ โดยเกณฑ์ที่นิยมใช้กันคือการนำไปเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนคอนโดฯ ในย่านใจกลางกรุง ที่อยู่ในระดับ 5-7% ดังนั้นถ้าคำนวณออกมาแล้วผลของเราออกมาในระดับนี้หรือสูง ก็เท่ากับว่าคอนโดนี้น่าลงทุน ทั้งนี้ ในส่วนของการซื้อด้วยเงินกู้ อัตราผลตอบแทนที่ได้ในส่วนนี้ควรสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อย่างน้อย 2% ถึงจะถือว่าอยู่ในระดับที่น่าลงทุน เนื่องจากระดับ 2% จะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปกับคอนโด เช่น ค่าส่วนกลางต่างๆ ทั้งหมดได้ . เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้วเรามาเริ่มคำนวณกันเลยค่ะ ‘Rental Yield’ หรือ การคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการเช่าที่ว่านี้สามารถแบ่งเป็นออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 1. Gross Rental Yield หรือ คำนวณอัตราผลตอบแทนจากการเช่าเบื้องต้น ใช้ประเมินเวลาสำรวจคอนโดหรือบ้าน โดยสูตรคือ ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี / ราคาอสังหาฯ ที่ซื้อ x 100 ตัวอย่างเช่น คอนโดราคา 1,700,000 บาท คิดค่าเช่าเดือนละ 9,000 บาท ค่าเช่าทั้งปีจะอยู่ที่ 9,000 x 12 = 108,000 บาท เอามาคำนวณตามสูตรจะได้ (108,000 / 1,700,000) x 100 = 6.6% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดี เพราะอยู่ที่อัตราเฉลี่ย 5-7% 2. Net Rental Yield เป็น การคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าสุทธิ โดยมีการนำค่าส่วนกลางมาคำนวนด้วย โดยสูตรคำนวณให้เอา ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี-ค่าส่วนกลาง / ราคาอสังหาฯ ที่ซื้อ x 100 ตัวอย่างเช่น ค่าเช่าทั้งปี 108,000 บาท ค่าส่วนกลาง 14,040 ...
อ่านต่อ

เลือกตัวแทนอสังหาฯ ให้ถูกใจ เลือกอย่างไร ให้ไม่พลาด

“ความน่าเชื่อถือ” มักเป็นสิ่งแรกที่เรามองหาเมื่อต้องการจะซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการซื้ออาหาร ไปจนถึงการลงทุนในระดับที่สูงขึ้น เพราะมันเป็นเครื่องการันตีว่าการตัดสินใจของเรานั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและคุ้มค่ากับราคาเสียไป สำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก บางครั้งอาศัยความรู้อย่างเดียวอาจไม่พอ ยังต้องอาศัย “ประสบการณ์” และ “ความเชี่ยวชาญ” อีกด้วย และนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายต่อหลายคน มองหาบริการจากตัวแทน ก่อนตัดสินใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เพราะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มากกว่า ซึ่งตัวแทนอสังหาฯ ที่ “น่าเชื่อถือ” นั้นควรจะมีจะมีลักษณะอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ . การตรงต่อเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เราคงจะประทับใจกับตัวแทนที่มาตรงเวลานัดหมาย หรือ มาก่อนเวลามากกว่า เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาให้ความสำคัญกับเรา เราคงจะรู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะคะ ถ้าสมมติว่าเราฝากเช่าห้องกับเอเจนซีหนึ่ง แต่ตัวแทนกลับมาช้า หากเหตุการณ์นี้เกิดกับผู้ที่สนใจเช่าห้องของเราคงไม่ดีแน่ นอกจากนี้ การแต่งกายที่สุภาพและการเตรียมพร้อมด้านเอกสารก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ รวมทั้ง การสร้างความเป็นมิตร ผ่านรอยยิ้ม ผ่านการพูดจาที่นุ่มนวลไพเราะ ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ควรมองหาจากตัวแทน เพราะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ด้วยเช่นเดียวกัน . ตัวแทนอสังหาฯ ที่ดีต้องสามารถให้คำปรึกษากับเราได้รอบด้าน รู้ลึก รู้จริง และมีข้อมูลที่ทันสมัย เพราะการลงทุนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ หากขาดข้อมูลที่สำคัญเรื่องอะไรไป อาจทำให้การดำเนินการทั้งหมดของเราสะดุดลง ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หากจะปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่น ตัวแทนก็ควรจะแนะนำได้ว่า ชาวญี่ปุ่นนั้นชอบห้องสไตล์ไหน ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะ . ตัวแทนที่มีเครือข่ายกับพาร์ทเนอร์ และฐานลูกค้าในมือพร้อมทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยจับคู่ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ได้รวดเร็วกว่า อีกทั้งยังได้ราคาดีกว่า นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามั่นใจได้อีกด้วยว่าตัวแทนนี้ มีประสบการณ์และมีมาตรฐานการทำงานที่ดี เป็นที่ยอมรับจากคนในวงกว้าง . ความเป็นมืออาชีพ คือผลรวมของ การตรงต่อเวลา ประสบการณ์ และ ความเชี่ยวชาญ ทุกสิ่งเหล่านี้ จะทำให้บริษัทหนึ่งมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ไว้วางใจต่อทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ในขณะเดียวกัน ลูกค้าที่กำลังมองหาความน่าเชื่อถือจากตัวแทน ก็ควรที่จะใช้คุณสมบัติเหล่านี้ เป็นตัวพิจารณา เพื่อให้ตัดสินใจได้ดีกว่า อย่างมั่นใจ หากลูกค้าท่านไหนกำลังมองหาตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือในการขาย-เช่า-คอนโดมิเนียม ที่ Shinyu Real Estate เรายินดีที่จะให้คำปรึกษาในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยประสบการณ์การทำงานกว่า 5 ปี ผ่านการขายและปล่อยเช่ามาแล้วกว่า 20,000 ยูนิต กับเครือข่ายและความร่วมมือจากผู้พัฒนาอสังริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง AP (Thailand), Singha Estate, SANSIRI, Origin, ...
อ่านต่อ

ชาวจีนแห่ซื้ออสังหาฯ ไทย ไม่หวั่นแม้เจอพิษหยวนอ่อน

เรียกได้ว่ามาแรงสวนกระแสเงินบาทที่แข็งค่ากันเลยทีเดียว เพราะนักทุนชาวจีนยังคงเดินหน้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะกำลังเผชิญกับพิษเงินหยวนอ่อนซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ . แคร์รี่ ลอว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการจูเหว่ย ดอทคอม เว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศสำหรับชาวจีนเผยว่า อัตราการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะขายสินทรัพย์ ให้กับชาวจีนแทนการชะลอตัวในการซื้อของคนไทย . ชาวจีนเริ่มวางแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ในไทยตั้งแต่หลายปีก่อน ซึ่งบางโครงการก็จะแล้วเสร็จในปีนี้หรือปีหน้า สิ่งที่ดึงดูดผู้ซื้อชาวจีนให้มาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยนั่นก็คือคุณภาพของสินทรัพย์ในราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ ผู้ซื้อชาวจีนยังชอบแนวคิดของการการันตีค่าเช่า โดยส่วนใหญ่คาดหวังที่จะได้การันตีค่าเช่า 5-7% (ขึ้นอยู่กับโครงการและช่วงราคา) . ตามข้อมูลจากเว็บไซต์จูเหว่ย ดอทคอม ประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศที่ชาวจีนต้องการเข้ามาซื้อสินทรัพย์ ตามด้วยประเทศญี่ปุ่น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้ซื้อชาวจีนมีความต้องการซื้อสินทรัพย์ในไทยมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า . แคร์รี่ ลอว์ ให้ข้อมูลว่า 85% ของผู้ซื้อชาวจีนต้องการซื้อสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับราคา 8 ล้านบาทหรือต่ำกว่า โดยส่วนใหญ่ของผู้ซื้อเหล่านี้มักต้องการคอนโดฯ ขนาด 1 ห้องนอนในกรุงเทพฯ มากที่สุด ส่วนอีก 40% ต้องการอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน ตามด้วย 24% ต้องการอพาร์ตเมนต์ 3 ห้องนอน และอีก 14% ต้องการอพาร์ตเมนต์ขนาด 2 ห้องนอน . เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงตอบโจทย์ จุดเด่นของเมืองไทยก็คือการท่องเที่ยวและผู้คนเป็นมิตร แม้จุดปลายทางหลักอย่างกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ยังคงครองความเป็นที่นิยมอยู่ แต่ชาวจีนก็เริ่มให้ไปให้ความสนใจกับเขตพื้นที่ที่ติดทะเล อย่างเช่น เกาะสมุยและกระบี่ . ชาวจีนชื่นชอบจังหวัดกระบี่ เพราะได้ใช้ชีวิตบนหรูหราในราคาที่เอื้อมถึง รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และชายหาดอันงดงาม มากไปกว่ายังมีเที่ยวบินตรงจากจีนอีกด้วย ถ้าหากคุณเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ แล้วมีคอนโดฯ ทำเลดีๆ อยู่ในครอบครองแล้วล่ะก็ คุณสามารถดึงดูดชาวจีนให้มาซื้อได้ไม่ยากเลย เพราะพวกเขารู้สึกว่าที่นี่คุ้มค่าต่อการลงทุน . ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ชาวจีนสนใจสินทรัพย์ของไทย นอกจากตัวสินทรัพย์ที่มีราคาสมเหตุสมผล สวยงาม และได้ผลตอบแทนดีแล้ว ประเทศไทยยังมีความพิเศษในแบบที่ที่อื่นไม่มี เช่น ประเทศเราใกล้กับจีน วัฒนธรรมไม่แตกต่างกันมาก อาหารอุดมสมบูรณ์ อีกทั้ง การแพทย์ก็มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพง รวมถึง วัยรุ่นชาวจีนสามารถศึกษาในมหาวิทยาลัยในไทยในราคาถูก และเศรษฐกิจโดยภาพรวมมีโอกาสเติบโตในอนาคต . ประเทศไทย…จุดหมายปลายทางของชาวจีนวัยเกษียณ จำนวนตัวเลขของชาวจีนที่เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยหลังเกษียณ มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และภายในปี 2030 ...
อ่านต่อ

ยุคสมัยแห่งการลงทุนคอนโด ควรไปต่อ? หรือควรพอแค่นี้!!!

ปัจจุบันหลาย ๆ ท่านที่เป็นนักลงทุนในคอนโดมิเนียม คงได้ยินข่าวสารมากมายเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ฟองสบู่คอนโด คอนโดล้นตลาด กำลังซื้อหดหาย จนเกิดคำถามว่า ยุคของการลงทุนคอนโดฯ ควรไปต่อหรือพอแค่นี้? คำตอบคือ การลงทุนคอนโดฯนั้นยังไปต่อได้แน่นอน แต่ไม่อู้ฟู่เหมือนสัก 3-4 ปีก่อน และต้องใช้ความอดทนมากขึ้น การเลือกซื้อแต่ละครั้งต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ในเลือกคัดสรรที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งเทรนด์การลงทุนคอนโดฯในอนาคตก็จะเปลี่ยนไปอีกมากทีเดียวค่ะ ซึ่งวันนี้ Shinyu Real Estate มีบทวิเคราะห์การลงทุนคอนโดฯในอีก 5 ปีข้างหน้ามาฝากทุกคนกันนะคะ . การย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้าเราน่าจะได้เห็นตัวเมืองที่ขยายออกไปมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โซน Mid สุขุมวิท ที่แต่เดิมถูกมองว่าสิ้นสุดอยู่ที่บริเวณอ่อนนุช แต่ปัจจุบันด้วยการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ บวกกับผู้คนที่ย้ายเข้ามาหาคอนโดฯใกล้รถไฟฟ้าทำให้ Mid สุขุมวิทถูกขยายออกไปจนถึงช่วง BTS อุดมสุขแล้ว ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้าคำว่าสุขุมวิทที่เราพูดถึงอาจจะครอบคลุมไปถึงโซนสำโรงก็เป็นได้ . คอนโดฯที่ติดรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป แต่คนจะเลือกคอนโดฯที่มีความสะดวกสบายพร้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของคนเมืองมีแนวโน้มเลือกที่อยู่อาศัยใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านมากกว่า คอนโดฯที่อยู่ติดรถไฟฟ้าแบบก้าวเดียวถึงแต่ความสะดวกสบายรอบ ๆ มีน้อย เพราะชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯเร่งรีบมากขึ้น การเดินทางติดขัดให้เวลามากขึ้น ทำให้เวลาพักผ่อน ทำกิจกรรมของตัวเองมีลดลง คอนโดฯที่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก หรือเป็นโครงการมิกซ์ยูสจึงเป็นอนาคตที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น . เกิดจากราคาที่ดินใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้คอนโดฯในทำเลดี ๆ ในอนาคตจะราคาสูงขึ้นตามไป เรื่องนี้แม้แต่ปัจจุบันราคาคอนโดฯใหม่ก็ค่อนข้างสูงกว่าฐานเงินเดือนของลูกค้าเป้าหมายไปมาก ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการซื้อลดลง ผู้คนที่ต้องการคอนโดมิเนียมในเมืองมีความสะดวกสบายพร้อมจะปรับเป้าหมายจากซื้ออยู่ เป็นเช่าอยู่แทนเพื่อเตรียมความพร้อมไปก่อนในระยะหนึ่ง . ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว โดยคาดว่าในปี 2568 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุถึง 14.4 ล้านคน (ข้อมูลจาก สสส.) จุดนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนเลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มวัยหลังเกษียณตั้งแต่ 60-70 ปี นับเป็นกลุ่มที่มีครบทั้งเงิน – แรง – เวลา ที่มองหาคอนโดมิเนียมที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง แต่ปัจจุบันคอนโดฯที่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุนั้นมีน้อยมาก ทำให้คอนโดมิเนียมที่มีองค์ประกอบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุนั้นนับว่าเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้นในอนาคต . ในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้าการปล่อยเช่าผ่านช่องทางออนไลน์จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติทั้งที่เข้ามาพักอาศัยระยะสั้น (ประมาณ 1 เดือน) และระยะยาว โดยกลุ่มหลัก ๆ ที่น่าสนใจคือกลุ่ม Senior ...
อ่านต่อ

เฮลั่น! ชินยูผูกสัญญาเป็น Agent ให้”Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร”

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท เอเชี่ยน บิสซิเนส พาร์ทเนอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือชินยู เรียลเอสเตท ได้มีการลงพื้นที่และวางแผนในการร่วมมือกันกับบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ในการเข้าร่วมเป็น Sole Agent ดูแลตลาดต่างชาติให้ โดย Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร นั้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูที่เพิ่งถูกพัฒนา ให้เป็นคอนโด Low rise 8 ชั้น 218 ยูนิต ราคาจับต้องได้ในย่านรัชดา-สุทธิสาร ภายใต้คอนเซ็ป “นิยามของความสุด สู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ : Live Your Life Prime” ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารเพียง 400 เมตรเท่านั้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ได้ตกลงร่วมเซ็นสัญญากับ บริษัท เอเชี่ยน บิสซิเนส พาร์ทเนอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Shinyu Real Estate เพื่อแต่งตั้งให้ชินยูเป็น Sole Agent รายเดียวที่ดูแลรับผิดชอบการขายในตลาดต่างชาติทั้งหมดของโครงการ โดยได้มีการถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นที่ระลึกและแสดงความยินดีกันระหว่าง ง ผู้บริหาร คุณนัชชรี ภูริปรีชา กับ ทีมผู้บริหารบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท นำโดย คุณวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมงาน Shinyu Real Estate ณ โครงการ Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร Shinyu Real Estate ต้องขอขอบคุณ บริษัท ...
อ่านต่อ

ทุบยอดขาย “Whizdom 101” Foreigner Quota ขายหมดทุกยูนิต

ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา บริษัท เอเชี่ยน บิสซิเนสพาร์ทเนอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ ชินยู เรียลเอสเตท ได้มีโอกาส ร่วมงานกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ในการเป็น Sole Agent ดูแลตลาด ต่างชาติของโครงการ Whizdom Connect และ Whizdom Essence 2 โครงการที่มีจำนวนยูนิตกว่า 1,337 ยูนิต โดยในวันที่ 26 พฤษจิกายน 2562 ที่ผ่านมาชินยู เรียลเอสเตท นำโดย คุณโยจิ คีตาอูระ(คุณโยจิ) และคุณนัชชรี ภูริปรีชา (คุณแป้ง) ได้ฉลองความสำเร็จในการ SOLD OUT อย่างเป็นทางการของโครงการ Whizdom 101 โดยมีผู้มาร่วมแสดง ความยินดี ได้แก่ Mr. Li Zhen jiang Managing Director บริษัท Hong Kong Global Wisdom Consultancy Ltd. พร้อมทั้งคุณเศรษฐวัจน์ ตั้งวัชรพงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และทีมงาน Shinyu Real Estate บริษัท Shinyu Real Estate ขอบคุณทุกความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีของเรา ไม่ว่าจะเป็น บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัท Hong Kong Global Wisdom Consultancy ...
อ่านต่อ

อย่าลืมแจ้งตม. 30 เมื่อคุณคิดปล่อยเช่าอสังหาฯ ให้ชาวต่างชาติ

ทันทีที่ผู้เช่าชาวต่างชาติเข้าห้องพักที่คุณปล่อยเช่า คุณอาจคิดว่าหน้าที่ในฐานะของเจ้าบ้านได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะ เพราะสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนต่อไปก็คือการแจ้ง ‘ตม. 30’ หรือ การแจ้งข้อมูลของลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาพักในห้องของเรา ให้กับที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง หรือสถานีตำรวจในท้องที่ ได้รับทราบ ตามพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 การแจ้งตม. 30 นี้ ไม่ว่าใครที่ประกอบกิจการโรงแรม เกสเฮ้าส์ แมนชั่น อพาร์ตเม้นท์ สถานประกอบการ หรือบ้านเช่า ก็ต้องทำการแจ้งว่ามีชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย ‘ภายใน 24 ชั่วโมง’ นับจากเวลาเข้าพัก และที่สำคัญก็คือ ชาวต่างชาติผู้นั้นต้องได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต้องผ่านการตรวจเข้าเมืองตามกฎหมาย ต้องเข้ามาประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งหากเจ้าของห้องท่านใดไม่ปฎิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นั่นเองค่ะ สำหรับในส่วนของวิธีการแจ้งตม. 30 นั้น สามารถทำได้ 3 วิธีด้วยกัน ดังนี้ 1. แจ้งด้วยตนเอง หรือ มอบหมายให้คนอื่นนำเอกสารมาแจ้ง – ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการแจ้งรับคนต่างชาติเข้าพักอาศัย http://bangkok.immigration.go.th/download/tm30.doc – ภายในแบบฟอร์มจะประกอบด้วยเอกสาร 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ให้กรอกข้อมูลของเจ้าบ้าน เจ้าของ หรือผู้ครอบครองเคหะสถาน รวมถึงที่ตั้งของสถานที่ที่มีคนต่างชาติเข้าพัก แล้วลงชื่อผู้แจ้งให้เรียบร้อย ส่วนที่ 2 จะเป็นบัญชีรายชื่อคนต่างด้าวที่เข้าพักอาศัย ให้เจ้าบ้านกรอก ชื่อคนต่างด้าว สัญชาติ เลขหนังสือเดินทาง วันเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ประเภทวีซ่า วันครบกำหนดอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย ช่องทางเข้า เลขที่บัตรขาเข้า (บัตรตม.6 ที่แนบมากับหนังสือเดินทาง) และ ความเกี่ยวพัน โดยในส่วนนี้ให้อิงข้อมูลจากหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติเป็นหลัก และใช้วิธีพิมพ์หรือเขียนในการกรอกข้อมูลเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นการเขียนให้เขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด และควรเว้นช่องว่างระหว่าง ชื่อ ชื่อกลาง และนามสกุลให้ชัดเจน – นำแบบฟอร์มที่กรอกเสร็จเรียบร้อยไปยื่น โดยถ้าเคหสถานนั้นที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ให้แจ้งที่ แจ้งที่ช่องบริการ ‘แจ้งที่พักอาศัย’ ที่ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ ตามวันและเวลาราชการ แต่กรณีที่เคหสถานนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ...
อ่านต่อ