อัปเดตเทรนด์ ‘บ้านอัจฉริยะ’ ที่กำลังจะมาในปี 2020!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘เทคโนโลยี’ เข้ามาทำให้การดำเนินชีวิตของเราสะดวกสบายมากขึ้นยิ่งขึ้น ในแง่ของการอยู่อาศัยก็เช่นเดียวกัน ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ทำให้บ้านของเรากลายเป็น ‘บ้านอัจฉริยะ’ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟอัจฉริยะ เครื่องทำกาแฟอัจฉริยะ ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ตลอดจน ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่เราสามารถสั่งให้จัดการสิ่งต่างๆ ภายในบ้านให้กับเราผ่านแอปพลิชันและคำสั่งเสียงได้ . แค่นี้ยังว่าน่าตื่นตาตื่นใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ในปีหน้านี้บ้านของเรายัง ‘อัจฉริยะ’ ได้มากกว่านี้อีก ซึ่งเทรนด์ของเทคโนโลยีที่กำลังมาจะมีอะไร ตามมาดูกันเลยค่ะ . 🏡 ห้องครัวอัจฉริยะ 🏡 เรื่องกินเรื่องใหญ่ จะดีแค่ไหนถ้าคุณมีผู้ช่วยที่สามารถจัดการแต่ละมื้อของคุณให้ง่ายมากยิ่งขึ้น? สำหรับเทรนด์ห้องครัวอัจฉริยะที่เราจะเห็นกันในปีหน้านี้ก็คือ ‘ตู้เย็นอัจฉริยะ’ ที่มีฟังก์ชันสามารถตั้งเวลารับประทานอาหารของสมาชิกในครอบครัว เพื่อที่จะได้จัดเตรียมอาหารได้ถูกเวลา สามารถดูสูตรอาหารจากอินเทอร์เน็ตได้โดยทันที ตลอดจนสามารถเช็คลิสต์ได้ว่าเรามีอะไรในตู้เย็นบ้าง และแจ้งเตือนเมื่อมีอาหารที่หมดอายุ . 🏡 ห้องนอนอัจฉริยะ 🏡 ห้องนอนเป็นห้องที่เราจะได้ใช้เวลาอย่างเต็มไปกับการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งในอนาคตจะมีอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยให้การนอนหลับของเราเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสบายขึ้น ทั้งอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของเตียงตามความเหมาะสม อุปกรณ์ที่ช่วยติดตามประสิทธิการนอนหลับของเรา ตลอดจนนาฬิกาที่สามารถตั้งปลุกด้วยกลิ่นอโรม่าแทนเสียง . 🏡 ห้องน้ำอัจฉริยะ 🏡 ในอนาคตเราอาจไม่ต้องไปขัดตัว นวดตัวกันถึงสปาอีกต่อไปแล้ว เพราะความสบายที่ว่าสามารถหาได้ง่ายๆ ที่บ้านด้วยอ่างอาบน้ำอัจฉริยะที่จะมาเป็นผู้ช่วยประจำตัวในห้องน้ำ ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อาบน้ำที่บ้านเหมือนไปทำสปาที่ร้านได้ อย่างเช่น คุณสามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำ ปรับการตั้งค่าอ่างอาบน้ำ เลือกฟังก์ชันนวดตัวด้วยคลื่นได้หลายระดับ ด้วยการออกคำสั่งจากแอปคลิชัน . 🏡 ห้องนั่งเล่นอัจฉริยะ 🏡 ลืมภาพโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโซฟาในห้องนั่งเล่นไปได้เลย เพราะในอนาคตอันใกล้ เพียงแค่เรากดปุ่มหรือออกคำสั่งเสียง ก็จะมีจอภาพเสมือนโทรทัศน์ปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของตัวบ้าน ก็สามารถรับชมรายการโปรดได้ เหมือนมีห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ไปกับเรา . 🏡 ห้องแต่งตัวอัจฉริยะ 🏡 ต่อไปตู้เสื้อผ้าของเราจะทำอะไรได้มากกว่าแค่การเก็บเสื้อผ้า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ในอนาคตตู้เสื้อผ้าจะสามารถจัดเสื้อผ้าให้เรา ตลอดจน สามารถป้อนคำสั่งให้เลือกชุดที่เหมาะสมกับเราในแต่ละวันได้ด้วย
อ่านต่อ

‘ฮ่องกง’ ตลาดเล็กที่กำลังมา

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงที่กินเวลามากว่าหลายเดือน และดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินต่อไป ส่งผลให้ชาวฮ่องกงบางส่วนเริ่มมองหาและลงทุนกับที่อยู่อาศัยนอกประเทศกันมากขึ้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่ชั่วคราว เหมือนกับ ‘เซฟเฮ้าส์’ ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจ . จากข้อมูลของพร๊อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ชาวฮ่องกงนิยมอยู่คอนโดย่านใจกลางเมือง อย่างเช่น สุขุมวิท เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติสามารถใช้ชีวิตได้ง่าย โดยห้องที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจคือคอนโดขนาด 1-2 ห้องนอนราคาอยู่ในช่วง 5-10 ล้านบาท . อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับตลาดจีนแล้ว ฮ่องกงยังถือว่าเป็นตลาดที่เล็กมาก แต่ก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตและในระยะยาว เนื่องจากฮ่องกงมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่อยู่อาศัย และ ราคา กล่าวคือ ราคาอสังหาฯ นั้นแพงมาก แต่พื้นที่อยู่อาศัยที่ได้กลับเล็กมากเช่นกัน คนฮ่องกงจึงมีแนวโน้มที่จะลงทุนกับอสังหาฯ ในต่างประเทศที่ดูคุ้มค่าและสามารถทำกำไรได้มากกว่า ถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ใช่เป็นที่อยู่อาศัยหลักก็ตาม . นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนทั้งจีนและฮ่องกง ที่ต้องการย้ายฐานผลิตมายังอาเซียน เมื่อเจอตัวเร่งอย่างสถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกง ที่กระทบต่อการค้าโดยตรง ก็ทำให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในอาเซียนเร็วขึ้น ซึ่งไทยเองก็อีกหนึ่งจุดหมายปลายทาง เพราะอยู่ใกล้กับฮ่องกง ไม่มีปัญหาด้านการเมืองและประวัติศาสตร์ต่อกัน อีกทั้งยังมีความคิดและไลฟ์สไตล์ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น ในอนาคตก็อาจมีกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ดังนั้น ต่อไปในอนาคตตลาดฮ่องกง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย
อ่านต่อ

ปล่อยเช่าทั้งที ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?

การจะเริ่มลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ‘ตัวเลขที่ใช้ลงทุน’ หรือ ‘ค่าใช้จ่าย’ คือสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่ ราคาค่าอสังหาฯ ที่เราจะซื้อ ค่าผ่อน ค่าดอกเบี้ย หรือ ค่าตกแต่ง-ซ่อมแซม เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง ‘ภาษี’ ประเภทต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับการลงทุนปล่อยเช่า ตั้งแต่กระบวนการเข้าซื้ออสังหาฯ ไปจนถึงกระบวนการการปล่อยเช่า โดยวันนี้เราจะพามามือใหม่หัดปล่อยเช่ามาดูกันว่าภาษีที่เราต้องเสียกันมีอะไรบ้าง เผื่อจะได้นำไปคำนวณเพื่อหักลบค่าใช้จ่ายกันถูกค่ะ . :: ภาษีที่ต้องเสียเมื่อทำการเข้าซื้ออสังหาฯ :: 💵 ค่าโอน และ ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม 💵 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย ซึ่งตั้งแต่วันนี้ – 24 ธ.ค. 2563 ทางรัฐมีมาตรการให้ลดค่าโอนของอสังหาฯ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทเหลือ 0.01% เพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ 💵 ค่าจดจำนอง 💵 1% ของมูลค่าที่จำนอง หรือ จำนวนที่กู้ทั้งหมด (ในกรณีที่จำนองกับสถาบันการเงิน) ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้ – 24 ธ.ค. 2563 นี้ ทางรัฐมีมาตรการให้ลดค่าจดจำนองของอสังหาฯ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทเหลือ 0.01% 💵 ภาษีธุรกิจเฉพาะ 💵 3.3% ของราคาซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน 💵 ค่าธรรมเนียมส่วนอื่นตามแต่ที่ตกลงกัน เช่น ค่าอากรสแตมป์ 💵 0.5% ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน . :: ภาษีที่ต้องเสียเมื่อทำการปล่อยเช่า :: 💰 ภาษีเงินได้ 💰 เมื่อไหร่ที่เรามีเงินได้ เราก็ต้องเสียภาษี โดยภาษีที่เราต้องเสียเมื่อทำการปล่อยเช่าก็คือ ‘ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ ประเภทที่ 5 หรือก็คือภาษีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เช่น การให้เช่าบ้าน คอนโดฯ โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งภาษีเงินได้นี้จะต้องยื่นแก่สรรพากรทุกปี ในช่วงกลางปี (มกราคม-มิถุนายน) โดยสามารถคำนวณภาษีได้ 2 แบบด้วยกัน คือ 👉🏻 1. วิธีเงินได้สุทธิ โดยคำนวณจากเงินทั้งหมดที่ได้รับ แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ตามสูตร (รายได้ ...
อ่านต่อ

เลือกทำเลให้ปัง ไม่ใช่แค่ทำเลดัง แล้วจะเวิร์ค

การเลือกทำเล สำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทุนปล่อยเช่า บางครั้งทำเลที่ดัง เป็นที่พูดถึงว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคตสูง อาจไม่ใช่ทำเลที่ “เวิร์ค” เสมอไป เพราะนั่นหมายความว่าคุณอาจมี “คู่แข่ง” ที่เล็งเห็นถึงโอกาสตรงนี้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้น การจะเลือกทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุนนั้น จึงควรพิจารณาจากหลายองค์ประกอบไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่แค่องค์ประกอบใด องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น โดยวันนี้เราจะพามาดูว่ามีหลักเกณฑ์อะไรบ้างที่เป็นตัวประกอบการพิจารณา “ทำเลที่น่าลงทุนปล่อยเช่า” ตามมาดูกันเลยค่ะ . :: บริเวณโดยรอบไม่มีการเกิดขึ้นของคอนโดใหม่ :: ทำเลที่มีแนวโน้มน่าลงทุน ควรจะเป็นทำเลที่ดูแล้วเราไม่มีคู่แข่งมากนัก กล่าวคือ เป็นทำเลที่ “อยู่ตัว” ไม่มีการเกิดขึ้นของคอนโดใหม่ หรือ ไม่มีห้องเช่าว่างสักเท่าไหร่ โดยความต้องการปล่อยเช่าคอนโดฯ ในภาพรวมของเขตพื้นที่นั้นๆ ไม่ควรเกิน 20% . :: ติดรถไฟฟ้า แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก :: เช่นเดิมคือทำเลที่ดีคือต้องสะดวก ทั้งในแง่ของการเดินทางและการใช้ชีวิต คือ ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า รวมถึง มีขนส่งสาธารณะอื่นๆ เข้าถึง นอกจากนั้นควรจะติดชุมชนใหญ่ เพราะการที่มีชุมชนใหญ่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามมา อย่างเช่น ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร และบริษัทต่างๆ . :: ทำเลที่มีความต้องการเช่า ไม่ใช่ต้องการซื้อ :: ประการต่อมา เราควรมองหาทำเลที่มีคนต้องการ “เช่า” หมุนเวียนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา คนที่มีความต้องการเช่า ก็อย่างเช่น ชาวต่างชาติ หรือ นักศึกษามหาวิทยาลัย เพราะส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้ เป็นคนที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น “เป็นการชั่วคราว” คือมาเรียน มาทำงาน เมื่อเรียนจบ ทำงานครบสัญญา ก็ย้ายออกไป แต่ก็ “นานพอ” ที่จะปล่อยเช่าระยะยาว ดังนั้น การที่เราเลือกทำเลที่คนกลุ่มนี้เข้า-ออก ก็จะทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย และ ทำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเว้นช่วงรอหาผู้เช่ารายใหม่นาน . :: พื้นที่มีโอกาสเติบโต :: พื้นที่ที่มีโอกาสเติบโต เช่น ในอนาคตทำเลนั้นๆ อาจมีโครงการห้างสรรพสินค้า หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ใหญ่ๆ มาลง มีการยกระดับพื้นที่ให้กลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ มีระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึงมากขึ้น ...
อ่านต่อ

เวลาเปลี่ยน คอนโดเก่า แต่อยากขึ้นค่าเช่าต้องทำอย่างไร?

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ปล่อยเช่าต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งค่าบำรุงซ่อมแซมห้องต่างๆ หรือ สำหรับบางคนอาจมีเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้มาเกี่ยวข้อง อันเป็นเหตุให้ต้องขึ้นค่าเช่า แต่ผู้ปล่อยเช่าหลายๆ คนอาจมีปัญหาคาใจว่า ถ้าคอนโดฯ ของเราเก่าแล้ว หรือ ไปลงทุนซื้อคอนโดมือสองมา เราจะขึ้นค่าเช่าได้ไหม ขึ้นแล้วผู้เช่าเก่าจะหนี ผู้เช่าใหม่จะเมินใส่หรือเปล่า วันนี้เรามี Tips มาแนะนำกันค่ะ ว่าถ้าเราอยากขึ้นค่าเช่า จะทำอย่างไรได้บ้าง . :: รีโนเวทห้องใหม่ :: การปรับปรุงห้องใหม่ทั้งหมด ถือว่าเป็นวิธียอดนิยมสำหรับผู้ปล่อยเช่า ที่ต้องการขึ้นค่าเช่า เพราะนอกจากการรีโนเวทจะทำให้สภาพกลับมาดูเหมือนใหม่ ดึงดูดผู้เช่าได้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับห้องอีกด้วย โดยการรีโนเวทที่ว่านี้สามารถทำได้ตั้งแต่สเกลใหญ่อย่างการปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยเสียใหม่ กั้นโซนใหม่ เปลี่ยนผนัง เปลี่ยนวอลเปเปอร์ เปลี่ยนพื้น เอาเฟอร์นิเจอร์ Built-in ชิ้นใหม่มาลง ไปจนถึงสเกลที่เล็กลงมาหน่อยอย่างเช่น การตกแต่ง และ จัดวางข้าวของ อย่างไรก็ตาม การรีโนเวทห้องนี้สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือเรื่องงบประมาณและความคุ้มค่า ห้องของเราบางทีอาจไม่จำเป็นต้องรีโนเวทอะไรขนานใหญ่ เพียงแค่ตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ก็อาจใช้ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเวลารีโนเวทห้องควรจะเลือกใช้แต่ของราคาถูกเสมอไป ถูกได้ คุณภาพดีด้วยยิ่งดี แต่ถ้าถูกมากๆ แล้วใช้งานได้ไม่นาน ต้องมานั่งเปลี่ยนกันใหม่ ก็จะเสียทั้งเงินและเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น เวลาจะรีโนเวทก็ควรช่างน้ำหนักระหว่างงบกับความคุ้มค่าให้ดี . :: มีสิทธิพิเศษ หรือ บริการบางอย่างแถมให้ :: สำหรับคอนโดฯ เก่า ถึงแม้ว่าเราจะรีโนเวทห้องของเราบางทีอาจยังไม่พอ เพราะสภาพส่วนกลางหรือภายนอกอาจไม่ได้ดีตามไปด้วย หรือ เราอาจไม่มีงบมากพอที่จะรีโนเวท ดังนั้น วิธีที่จะสามารถทำได้ก็คือมีสิทธิพิเศษ หรือ บริการบางอย่างแถมให้กับผู้เช่าของเรา ตัวอย่างเช่น บริการทำความสะอาด บริการซ่อมแซม หรือมีอุปกรณ์ของใช้บางอย่างเตรียมไว้ให้ อย่างพวกอุปกรณ์เครื่องครัว โทรทัศน์ที่รองรับช่องเคเบิล เป็นต้น . :: ปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ :: ชาวต่างชาติ เป็นคนอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความต้องการ “เช่า” มากกว่าต้องการจะซื้อ เพราะส่วนใหญ่ชาวต่างชาติมักจะเข้ามาพำนักอาศัยหรือทำงานในไทยไม่นานนัก อีกทั้ง ชาวต่างชาติยังมีกำลังจ่ายมากกว่า จึงสามารถปรับค่าเช่าให้สูงขึ้นได้ ทำให้ผู้ปล่อยเช่าจำนวนไม่น้อย หันมาให้ความสนใจกับตลาดชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะได้ค่าเช่าที่ดี ตามต้องการแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีระเบียบดูแลเอาใจใส่รักษาห้องเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าได้ค่าเช่าแล้ว ยังได้ความสบายใจด้วย ...
อ่านต่อ

ลดค่าโอนและค่าจดจำนอง โอกาสทองในวิกฤตอสังหาฯ จริงหรือ!?

เมื่อไม่นานมามีทางรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมาตรการนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ทั้ง บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม กันมากขึ้น เพราะที่มาในปีนี้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว กำลังซื้อหด ทำให้ตลาดอสังหาฯ ซบเซาตามไปด้วย โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ค้างอยู่ในสต็อกกว่า 50% . อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังต่อไปนี้ . ในส่วนของข้อดี มาตรการนี้ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในกลุ่มผู้ซื้อระดับรายได้น้อย-ปานกลาง และผู้ที่มีเงินเย็น เพราะสามารถลดภาระต้นทุนในการซื้ออสังหาฯ ลงไปได้ เรียกได้ว่าอาจเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้ออสังหาฯ เพราะนอกจากจะได้ลดค่าโอน-ค่าจดจำนองแล้ว ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต้องหาโปรโมชันต่างๆ มาลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสำหรับผู้ประกอบการที่ถืออสังหาฯ ที่ระดับระคาต่ำกว่า 3 ล้านเอง ก็จะสามารถระบายสต็อกออกได้มากขึ้นจากมาตรการนี้ . ถึงกระนั้น ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว แค่มาตรการนี้อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้ ฟื้นคืนดังเดิม เนื่องจากมาตรการนี้ไม่ได้ครอบคลุมทุกระดับราคาของอสังหาฯ แต่จะเน้นไปที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคานี้ก็จะอยู่แค่เพียงในกลุ่มของ ทาวน์เฮ้าส์ และ คอนโดมิเนียม รอบนอกกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เท่านั้น และถึงจะเป็นกลุ่มใหญ่ในตลาดแต่ก็น่าจะไม่มากพอที่จะส่งผลต่อตลาดมากนัก ถ้าเทียบกับการออกมาตรการที่ครอบคลุมทุกระดับราคา ซึ่งเคยมีมาตรการนี้ออกมาเมื่อปี 2558 . นอกจากนี้ ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ยังซบเซาอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ผู้บริโภคก็ยังคงไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนมากกว่ากลุ่มไหน ตลอดจนปัญหาเรื่องการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร และหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง . จะเห็นได้ว่าแม้มาตรการฟังผิวเผินแล้วดูดี แต่ก็อาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคัก เนื่องจากมาตรการยังคงไม่ครอบคลุม และยังคงมีปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
อ่านต่อ

จริงหรือไม่!? ซื้อคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า หากไม่ระวัง อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน?

แน่นอนว่าคอนโดฯ แต่ละแห่งในปัจจุบันส่วนใหญ่มักจะมีจุดขายคล้ายๆ กันคือ “ติดรถไฟฟ้า” แต่รู้หรือไม่คะ ไม่ใช่คอนโดฯ ทุกแห่งที่ติดรถไฟฟ้านั้นจะน่าลงทุนไปเสียทั้งหมด เพราะบางแห่งก็อาจไม่ได้ติดรถไฟฟ้าถึงขนาดเดินทางได้สะดวก หรือ อยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ซึ่งถ้าหากเราไม่ระวัง ก็อาจปล่อยเช่ายาก หรือ ได้ราคาไม่ดี ดังนั้น วันนี้เราจะพามาดูว่า คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าแบบไหนถึงจะคุ้มค่าการลงทุน . :: ติดรถไฟฟ้า แต่ระยะไม่ควรไกลเกิน 500 ม. :: สำหรับ คอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้าที่น่าลงทุนนั้น ควรจะเป็น คอนโดฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเกิน 500 เมตร หรือถ้าจะให้ดีควรอยู่ไม่ไกลเกิน 200 เมตร เพราะสะดวกต่อการเดินทางมากกว่า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นผู้อยู่อาศัยตรงนั้น หากคอนโดฯ ไกลจากสถานีมาก ๆ เกินกว่า 500 เมตร คุณอาจไม่อยากเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว ต้องอาศัยรถหรือเรียกมอเตอร์ไซค์เพื่อต่อไปยังสถานีอีกที ทำให้จุดขายอย่าง “ติดรถไฟฟ้า” ไม่ใช่จุดขายสำคัญอีกต่อไป . :: เดินง่าย ทางสะดวก และไม่เปลี่ยว :: ก่อนที่จะลงทุนซื้อคอนโดฯ ติดแนวรถไฟฟ้าเพื่อปล่อยเช่า ควรเดินสำรวจเส้นทางจากสถานีมายังคอนโดฯ ด้วยว่า ทางเดินนั้นเดินได้สะดวกไหม เปลี่ยวหรือเปล่า มีสิ่งขีดขวางอะไรหรือเปล่า เช่น มีไซต์ก่อสร้าง ทำถนน ฯลฯ และระหว่างทางเดินมีร่มเงาจากต้นไม้บ้างหรือไม่ เนื่องจากประเทศเราเป็นประเทศร้อน ดังนั้น การที่มีต้นไม้คอยช่วยให้ร่มเงา ก็จะช่วยให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางได้ และผู้เช่าส่วนใหญ่ย่อมต้องการความสะดวกสบายในส่วนนี้ . :: รอบสถานีต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก :: ไม่ใช่ว่าแค่มีรถไฟฟ้าไปถึงแล้ว พื้นที่ตรงนั้นจะเจริญขึ้นมาทันตา และ เป็นทำเลทองที่สามารถทำกำไรให้กับเราได้เลยทันที มนุษย์เราต้องการความสะดวกสบาย และความสะดวกสบายนั้นต้องตอบโจทย์ความต้องการอย่างรอบด้านด้วย ดังนั้น ก่อนลงทุนควรมองหาคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า ที่อยู่ในพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ . :: ปลอดภัยพิบัติ :: หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ดังนั้นก่อนลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงในข้อนี้ด้วย เพราะหากคุณลงทุนกับคอนโดฯ ...
อ่านต่อ

เอกมัย-ทองหล่อ-สุขุมวิท กับ 7 กิจกรรม สุดชิค ให้คุณผ่อนคลายได้ทั้งวัน

บนเส้นถนนสุขุมวิท ไม่ได้มีแต่เพียงอาคารสำนักงานหรือแหล่งชอปปิ้งระดับเฟิร์สคลาสเท่านั้น แต่ยังครบครันไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลาย ที่จะชวนคุณมาผ่อนคลายในวันว่างกันแบบชิคๆ ซึ่งจะมีกิจกรรมอะไรบ้างนั้น ตามเรามาดูกันเลย . เดินสวน “สวนเบญจสิริ” สูดหายใจให้เต็มปอด กับพื้นที่สีเขียวบนเส้นถนนสุขุมวิท ‘สวนเบญจสิริ’ สวนสาธารณะใจกลางเมืองแห่งนี้ จะพาคุณผ่อนคลายไปกับกิจกรรมอันหลากหลายที่คุณสามารถใช้เวลาได้กับทั้งตัวเองและครอบครัว ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายทั้ง มุมพักผ่อน สนามเล่นเด็ก ลานเต้นแอโรบิก ตลอดจนมีร้านขายขนม ล็อกเกอร์ฝากของ รวมถึงห้องน้ำให้บริการ ให้คุณสามารถใช้เวลาว่างได้ตลอดวัน 📍 ถ.สุขุมวิท 22-24 ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ https://goo.gl/maps/wo82E9C15oSKHiNR9 . หนีความร้อนไปสัมผัสความเย็น ให้คุณได้ใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มอิ่มกับการเล่นไอซ์สเกต และ เที่ยวชมเมืองหิมะ :: Snow Town Bangkok :: อยากไปสัมผัสหิมะ ไม่ต้องบินไปถึงเมืองนอก เพราะมาที่ “สโนว์ทาวน์” คุณก็สามารถเล่นหิมะ ท่ามกลางเมืองจำลองได้เหมือนอยู่ในบรรยากาศจริง ไม่เพียงเท่านั้นในเมืองยังมีร้านอาหาร ร้านขายของ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเตรียมพร้อมให้ ไม่ต้องออกไปไหน ก็เล่นสนุกได้ทั้งวัน 📍 ห้างสรรพสินค้า Gateway Ekkamai ชั้น 5 https://goo.gl/maps/mipb6NshhKaz9wzZA :: Sub-Zero Ice Skate Club :: เตรียมหลงรักกีฬา ‘ไอซ์สเกต’ กันได้ ไม่ว่าอยากลองหรือเล่นจริง ที่นี่มีลานขนาดใหญ่ไว้รองรับหลากหลายกิจกรรมทั้งฮ็อกกี้น้ำแข็ง และ ไอซ์ สเกต ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น จัดเต็มทั้งแสงและสี พร้อมคลาสสอนการเล่นไอซ์สเกตสุดพิเศษให้คุณได้เรียนรู้การเล่นจากโค้ชระดับมือโปร 📍 1239 ถนน สุขุมวิท 200 ม. จาก BTS เอกมัย และ 700 ม. จาก BTS ทองหล่อ https://goo.gl/maps/Y5f4RDouw6UTXA8K7 . ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าด้วยการ ‘แช่ออนเซ็น’ :: Yunomori Onsen & Spa :: ผ่อนคลายสบายๆ ท่ามกลางการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ที่ Yunomori Onsen & Spa ...
อ่านต่อ

ทำเลไหนจะมา!? ส่องทำเลศักยภาพหลังการปรับผังเมืองกรุงเทพฯ

‘การปรับผังเมืองกรุงเทพฯ’ เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจของประเทศโดยสมบูรณ์ และหากต้องการกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ “ระบบขนส่งสาธารณะ” ที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงก็คงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ การปรับผังเมืองใหม่ครั้งนี้จึงถูกปรับให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต ทำให้การยกระดับพื้นที่ประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่พาณิชยกรรมมากขึ้น ส่งผลให้ย่านหลายๆ ย่านที่ในตอนนี้หรือในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าแล่นผ่าน กลายเป็นทำเลศักยภาพ เป็นทำเลทองของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไปโดยทันที ซึ่งจะมีทำเลไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะ . 🏠 รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว 🏠 การปรับผังเมืองกรุงเทพฯ ทำให้ลาดพร้าว จากเดิมที่เป็น พื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ถูกขยับมาเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยปานกลาง เพื่อรองรับการขยายของชุมชน และ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในอนาคตหลังการเข้ามาของรถไฟฟ้าเส้นใหม่ (สายสีเหลือง) ซึ่งจะเชื่อมรัชดาภิเษก-ลาดพร้าวกับเขตเมืองชั้นในไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ทำให้ราคาที่ดินที่เคยหยุดนิ่งก็จะสูงขึ้น ตามการพัฒนาของพื้นที่ โดยที่ดินที่อยู่ติดกับถนนลาดพร้าวมีแนวโน้มจะขยับสูงจาก 1 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 3-4 แสนบาทต่อตารางวา นอกจากนี้ ในส่วนของย่านรัชดาภิเษกเอง จากเดิมที่มีข้อจำกัดในการพัฒนาพื้นที่ แต่ในตอนนี้ มีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นเขต CBD (Central Business District) ได้อย่างเต็มตัว เนื่องจากมีการปรับ อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio) จาก 7:1 เป็น 8:1 ทำให้สามารถสร้างตึกที่มีความสูงมากขึ้นได้ ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว จะกลายเป็นเขตที่อยู่อาศัย ย่านทำงาน และย่านไลฟ์สไตล์ ที่คึกคักมากขึ้น เนื่องจากราคาอสังหาฯ ต่ำกว่าใจกลางเมือง แต่ก็มีรถไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่นเดียวกัน . 🏠 บางซื่อ-เตาปูน-บางโพ 🏠 ย่านบางซื่อ-เตาปูน-บางโพ เดิมเป็นชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่อาคารบ้านเรือนจะเป็นตึกแถว ที่ใช้เพื่ออยู่อาศัยและประกอบการค้า แต่หลังจากที่มี MRT สายสีม่วงและสีน้ำเงิน เข้ามาถึงสถานีเตาปูน ส่งผลให้ย่านเตาปูน-บางโพ มีเศรษฐกิจคึกคักกันมากขึ้น มีโครงการธุรกิจใหญ่ๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่น สภารัฐแห่งใหม่ โครงการสะพานเกียกกายของภาครัฐ และ โครงการคอนโดมิเนียมมากมายที่ผุดขึ้นมาตลอดเส้นทางระหว่าง MRT บางโพ กับ MRT เตาปูน ตัวอย่างเช่น 333 Riverside, The Tree Interchange, Chewathai บางโพ ฯลฯนอกจากนี้ ยังมีโครงการชอปปิงมอลล์ยักษ์ใหญ่อย่าง “Gateway บางซื่อ” ...
อ่านต่อ

ทำความรู้จักกับ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ กระทบอะไรในธุรกิจการปล่อยเช่า

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการประกาศใช้ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ซึ่งมีแผนจะเริ่มใช้ต้นปีหน้านี้ แทนพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน และ พระราชบัญญัติภาษีบํารุงท้องที่ โดยการเข้ามาของพ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ ฉบับใหม่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อแวดวงอสังหาริมทรัพย์เข้าอย่างจัง เพราะเป็นพ.ร.บ.ที่มีจุดประสงค์เพื่อต้องการลดการถือครองที่ดินเพื่อการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก โดยวันนี้เราจะพามารู้จักพ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ให้มากขึ้นกันค่ะ . :: ใครที่ได้รับผลกระทบ? :: บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากพ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ ได้แก่ 1. เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2. เจ้าของอาคารชุด 3. ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ โดย “เจ้าของ” ในที่นี้ก็คือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่มีชื่ออยู่ในโฉนดบ้านหรือที่ดิน หรือ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด สำหรับคอนโด . :: ครอบครองสินทรัพย์ใดบ้างถึงต้องเสียภาษี :: 1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม เช่น การทำไร่ ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ 2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ หรืออื่นๆ ที่คนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ 3. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจาก สองข้อแรก ตัวอย่างเช่น โรงงาน คลังสินค้า ตึกแถว อาคาร หรืออื่นๆ ที่สามารถใช้ประกอบการพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรมได้ 4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างปล่อยทิ้งให้ว่าง ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร . :: การวัดมูลค่าเพื่อเสียภาษี :: 1. สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้สำหรับเกษตรกรรม หากมูลค่าของฐานภาษีนั้นไม่เกิน 75 ล้านให้เสียร้อยละ 0.01 ถ้ามูลค่าเกิน 75 ล้าน แต่ไม่เกิน 100 ล้าน ต้องเสีย 0.03 ถ้า เกิน 100 ล้าน แต่ไม่เกิน 500 ล้าน เสียร้อยละ 0.05 และถ้าเกิน 500 ล้าน แต่ไม่เกิน 1000 ล้าน เสียร้อยละ ...
อ่านต่อ

ไม่แจ้งตม.30 มีความผิดตามกฎหมาย!?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะปล่อยห้องพักให้ชาวต่างชาติเช่าแล้วล่ะก็ สิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้ก็คือ ทุกครั้งที่มีชาวต่างชาติมาเข้าพัก เจ้าของห้อง จำเป็นต้องแจ้งตม.30 เพื่อรายงานการเข้าพักของชาวต่างชาติ “ทุกคน” ต่อกรมการตรวจคนเข้าเมือง “ภายใน 24 ชม.” นับตั้งแต่ชาวต่างชาติผู้นั้นเข้าพักด้วย . จริง ๆ กฎหมายข้อนี้ก็ได้บังคับใช้มานานแล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เพียงเจ้าของโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์เท่านั้นที่ต้องแจ้ง แต่คนที่ปล่อยห้องเช่า หรือ คนทั่วไปที่มีครอบครัว เพื่อน หรือ คนรู้จักที่เป็นชาวต่างชาติมาพักอาศัยก็จำเป็นต้องแจ้งด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันพวกลักลอบเข้าเมืองหรือผู้ร้ายข้ามแดนนั่นเองค่ะ . แล้วถ้าไม่แจ้งหรือแจ้งไม่ทันจะเป็นอย่างไร? ถ้าไม่อยากเซอร์ไพรส์หน้างาน เราตามมาดูกันดีกว่าว่าจะต้องเจออะไรบ้างหากไม่แจ้ง . ตามกฎหมาย ระบุไว้ว่า ถ้าเจ้าของห้องพักไม่แจ้งตม. 30 หรือไม่แจ้งว่ามีชาวต่างชาติมาเข้าพักอาศัยในห้องเช่าของตัวเอง จะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องโดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท ต่อชาวต่างชาติ 1 คน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีชาวต่างชาติมาเช่าห้องของเรา 2 คน และเราไม่ได้แจ้งตม.30 ภายใน 24 ชม. ก็จะต้องโดนโทษปรับ 2,000 x 2 = 4,000 บาท . ทั้งนี้ อีกหนึ่งข้อที่ต้องรู้ก็คือ หากชาวต่างชาติคนนั้น เดินทางออกนอกประเทศ หรือ เดินทางไปพักที่อื่น แล้วกลับมาพักกับเราใหม่ แม้ออกไปเพียงไม่กี่วัน เราก็จะต้องรายงานตม.30 ใหม่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้น จะถือว่าเราฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องถูกปรับอยู่ดี เนื่องจากละเลยในการรายงานต่อเจ้าหน้าที่ . ดังนั้น หากใครจะปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการแจ้งตม.30 กันด้วยนะคะ และสำหรับหลายๆ ท่านที่ปล่อยเช่าผ่านเอเจนซี ก็ควรจะเลือกเอเจนซีที่ไว้วางใจได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในทางกฎหมายก็คือเจ้าของห้อง
อ่านต่อ

อยากรู้ต้องมาฟัง! รวมทุกเรื่องที่คุณควรรู้ เกี่ยวกับการปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่น

อยากลงทุนปล่อยเช่าให้คนญี่ปุ่นต้องอ่าน! วันนี้เราจะมาเผยทริคดีๆ ที่จะช่วยมัดใจผู้เช่าชาวญี่ปุ่นกันแบบเจาะลึก ทั้งในเรื่องของ ทำเล ลักษณะห้องพัก ตลอดจนเทคนิคพิชิตใจในการปิดการขาย! อย่ารอช้า ตามเรามาดูกันเลย 👇 . พร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย ย่านยอดฮิต ที่อาจไม่ฮิตอีกแล้ว!? หลายคนคงทราบกันดีว่า หากสนใจปล่อยเช่าให้คนญี่ปุ่น ทำเลของอสังหาฯ ที่ควรลงทุนก็คงจะหนีไม่พ้นแถว พร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย ที่ได้ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘Japanese Town’ หรือย่านอยู่อาศัยของคนญี่ปุ่น ซึ่งสาเหตุที่คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเลือกที่จะอาศัยอยู่ในย่านนี้ก็เป็นเพราะอยู่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์คนญี่ปุ่นมากกว่า อย่างเช่น มี ‘Fuji Supermarket’ ที่มีการนำของกิน ของใช้ ต่าง ๆ นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง นอกจากนี้ ยังมี ‘ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีคนญี่ปุ่นเป็นเจ้าของ’ แวดล้อมอยู่โดยรอบ ทำให้คนญี่ปุ่นเองรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมตนเองเคยคุ้นชิน ไม่เพียงเท่านั้นบริเวณนี้ยังใกล้กับ ‘โรงเรียนญี่ปุ่นและโรงเรียนอินเตอร์’ หลายแห่ง สะดวกต่อสำหรับชาวญี่ปุ่นที่พาครอบครัวและลูกมาด้วย แต่ถึงแม้ พร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย จะเป็นย่านยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น แต่ในปัจจุบันก็มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเลยที่เริ่มขยับขยายออกมาอยู่ในย่านอื่น ๆ อย่าง อ่อนนุช และ ปุณณวิถี ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยเรื่องงบประมาณ เพราะหากพูดกันตามจริงแล้วย่านในเมืองในแพง ค่าเช่าต่อตารางเมตรสูงเกิน 1000 บาท ในขณะที่หากเขยิบออกมาหน่อยก็อาจได้ห้องในราคาเช่าที่ถูกกว่า ตกตารางเมตรละ 600-700 บาท แถมความสะดวกสบายในเรื่องของการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่างห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าในเมืองเลย แต่อย่างไรหากเลือกได้ และงบฯ ถึงคนญี่ปุ่นก็มักจะเลือกย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย เป็นคำตอบสุดท้ายอยู่ดีค่ะ . ปล่อยเช่าง่าย ขอแค่มี สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงใจ จากประสบการณ์ 5 ปีที่ทาง Shinyu ได้ดูแลลูกค้ามา คอนโดที่ง่ายต่อการปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่นก็คือคอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกดังนี้ต่อไปนี้ – ‘อ่างอาบน้ำ’ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น เพราะคนญี่ปุ่นชื่นชอบการแช่น้ำร้อนเป็นอย่างมาก – ‘Golf Simulator’ หรือ สนามกอล์ฟจำลอง เนื่องจากคนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานส่วนใหญ่มักจะต้องเข้าสังคมด้วยการ ‘ตีกอล์ฟ’ ซึ่งเข้าจะมีวัฒนธรรมว่าวันอาทิตย์จะต้องออกไปตีกอล์ฟกับเจ้านายหรือลูกค้าเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ดังนั้นหากโครงการไหนมีสนามกอล์ฟจำลองให้เหล่ามนุษย์นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นไว้ซ้อมมือ ก็จะยิ่งโดนใจเป็นพิเศษ – ใกล้กับรถไฟฟ้า ในระยะเดิน 5 นาที หรือไม่เกิน 500 เมตร – รายล้อมด้วยร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า ทั้งนี้ ...
อ่านต่อ

ปล่อยเช่าให้ชาวญี่ปุ่นดีอย่างไร ทำไมใคร ๆ ก็อยากปล่อยเช่า!?

ในปัจจุบัน มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ย้ายเข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศไทย และ ‘ชาวญี่ปุ่น’ เอง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชาติที่เข้ามาทำงานในไทยสูงติดอันดับต้นๆ ของทุกปี จึงทำให้กลุ่มชาวญี่ปุ่นกลายเป็นตลาดใหญ่ของแวดวงธุรกิจการปล่อยเช่า แต่นอกเหนือจากเหตุผลข้อนี้ ยังมีเหตุผลดีๆ อีกหลายข้อที่ทำให้ผู้ปล่อยเช่าหลายต่อหลายคน #เป็นปลื้ม กับผู้เช่าชาวญี่ปุ่น . ตรงต่อเวลา ถ้าถามว่านิสัยของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไร เชื่อว่าคนที่เคยคลุกคลีกับชาวญี่ปุ่นมาบ้าง คงต้องตอบว่า คนญี่ปุ่นเป็นคน “ตรงต่อเวลา” อย่างแน่นอน ซึ่งการที่คนญี่ปุ่นมีนิสัยนี้ติดตัวมา ก็เพราะเขาถูกปลูกฝังมาว่าการตรงต่อเวลานั้น แสดงถึงความรับผิดชอบ การให้เกียรติและเคารพผู้อื่น ดังนั้น ผู้ปล่อยเช่าจึงไม่ต้องเป็นกังวลเลยว่าจะเกิดปัญหาเรื่องไม่จ่ายค่าเช่า หรือ จ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลาขึ้น กับการปล่อยเช่าให้ญี่ปุ่น . มั่นคง รายได้สูง คนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยส่วนใหญ่มักจะถูกส่งมาจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น มีตำแหน่ง อาชีพ การงานที่มั่นคง ซึ่งโดยปกติแล้วมักมีรายได้มากกว่า 50,000 ต่อเดือน อีกทั้งยังมีบางส่วนที่ได้งบฯ ในการเช่าที่พักจากบริษัท ทำให้มีกำลังในการเช่าห้องที่ราคาและคุณภาพสูงขึ้นมา อีกทั้งยังพร้อมทำสัญญาเช่าเป็นรายปี . รักสะอาด คนญี่ปุ่นเป็นคนที่รักสะอาดมาก เจ้าของห้องสามารถมั่นใจได้เลยว่าสภาพห้องก่อนเข้าพักเป็นแบบไหน ตอนคืนห้อง ก็จะอยู่ในสภาพเดิม โดยเฉพาะถ้าผู้เช่าเป็นคนญี่ปุ่นที่มากันทั้งครอบครัวด้วยแล้ว ผู้ที่เป็นภรรยา ที่มักจะอยู่บ้านดูแลลูก ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบคอยดูแลห้อง ทำความสะอาดห้องเป็นอย่างดี . มีความรับผิดชอบสูง รักษากฎ เคารพสิทธิ การอยู่คอนโด คือการที่เราต้องอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น ดังนั้น หากอยากจะอยู่กับคนอื่นให้ได้อย่างสงบสุข สิ่งที่ต้องทำก็คือ “การรักษากฎ” ซึ่งคนญี่ปุ่นเองเป็นคนที่เคร่งครัดกับการรักษากฎ และเคารพสิทธิของผู้อื่นอย่างมาก ตลอดจน มีความรับผิดชอบสูง อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นมิตร ด้วยลักษณะนิสัยตรงนี้ทำให้เราวางใจได้ว่า ผู้เช่าของเราจะเข้ากับลูกบ้านคนอื่นได้ดี รักษาพื้นที่ส่วนกลาง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านหรือเจ้าของห้องอย่างเราให้ต้องมานั่งปวดหัว . สามารถปล่อยเช่าระยะยาวได้ ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยมักมีสัญญางานโดยเฉลี่ย 3-5 ปี ก่อนจะโยกย้ายไปทำงานที่อื่นตามคำสั่งของบริษัทแม่ หรือไม่ก็เป็นคนที่เข้ามาทำธุรกิจระยะยาว หรือใช้ชีวิตหลังเกษียณที่ประเทศไทย จึงทำให้เราสามารถทำสัญญาเช่าระยะยาวกับพวกเขาได้ โดยที่ ไม่ต้องมานั่งหาผู้เช่าใหม่ให้วุ่นวายใจอยู่บ่อย ๆ ทั้งนี้ หากจะปล่อยเช่าให้คนญี่ปุ่น ควรเลือกปล่อยเช่าผ่านเอเจนซี ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะช่วยให้ปล่อยเช่าคอนโดง่าย สะดวก และรวดเร็วแล้ว ยังสามารถติดต่อประสานและให้คำแนะนำกับผู้เช่าและผู้ปล่อยเช่าได้อย่างเป็นมืออาชีพอีกด้วย
อ่านต่อ

ปล่อยเช่าห้องพักแบบไหน มัดใจชาวญี่ปุ่น

ลองคิดดูว่าหากเราต้องไปพักอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ ที่มีทั้งความต่างเรื่องภาษา วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ เป็นระยะเวลานาน สิ่งใดที่เราต้องการและคิดถึงมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น “สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ที่พักอาศัย หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ สบายใจและรู้สึกปลอดภัยนั่นเอง เช่นเดียวกัน เมื่อคนญี่ปุ่นย้ายเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมองหาห้องพักที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตมากที่สุด ที่ที่จะทำให้เขารู้สึกสะดวกกายสบายใจ ที่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรจากบ้านของตัวเอง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ ’ห้องพัก’ นั้น ‘มัดใจ’ ชาวญี่ปุ่นได้นั้น จะมีอะไรบ้าง ตามเรามาดูกันเลยค่ะ . น้อยแต่มาก มัดใจด้วยห้องแบบ “มินิมอลสไตล์” คนญี่ปุ่นนั้นให้สำคัญกับการอยู่ร่วมอาศัยอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ จึงมีพื้นฐานการออกแบบบ้านมาจากความเชื่อแบบ ‘Zen’ คือออกแบบให้เรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นมิตรกับธรรมชาติ ดังนั้น หากจะตกแต่งห้องพักสำหรับปล่อยเช่าคนญี่ปุ่น คุณอาจลองมองหาเฟอร์นิเจอร์อย่างพวก ชั้นวางของ ฉากกั้น โต๊ะ เก้าอี้ ของตกแต่ง ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ อย่างเช่นไม้ ไม้ไผ่ หรือผ้าฝ้าย อย่างไรก็ตามไม่ควรจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นเกินไปจนทำให้ห้องอึดอัด ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ วอลเปเปอร์ หรือ พื้น ควรเป็นสีอ่อน หรือ สีกลางๆ ไม่ฉูดฉาด อย่างเช่น สีขาว สีครีม หรือ สีน้ำตาล เพราะจะช่วยให้ความรู้สึกเรียบง่ายและสงบ . “ห้องน้ำ” สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ‘การอาบน้ำ’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยคนญี่ปุ่นมักจะคุ้นชินกับการอาบน้ำแบบญี่ปุ่น หรือ ‘Ofuro’ ซึ่งเป็นการแช่น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำ ไม่ว่าบ้านจะเล็กหรือใหญ่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เพราะสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วการอาบน้ำไม่ใช่เพียงแค่การชำระร่างกายให้สะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ผ่อนปรนความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้เวลาร่วมกันกับคนในครอบครัวอีกด้วย สำหรับใครที่อยากปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นก็ควรให้ความสำคัญกับ ‘ห้องน้ำ’ ถ้าจะให้ดีควรมีอ่างอาบน้ำ แต่หากไม่มีอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมี ‘เครื่องทำน้ำร้อน’ และ ‘เครื่องกรองน้ำสำหรับอาบน้ำ ไว้อำนวยความสะดวก . เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า #ของมันต้องมี โดยปกติแล้วชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยมักจะมากันทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ซึ่งครอบครัวชาวญี่ปุ่นแบบนี้มักนิยมทำอาหารรับประทานกันเอง ดังนั้น เราซึ่งจะเป็นผู้ปล่อยเช่า ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะมีเครื่องครัวพื้นฐานอำนวยความสะดวกให้อย่างเช่น เตาไฟฟ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องต้มน้ำร้อน ชุดหม้อ-กระทะ ตลอดจนชุดจานชาม ตะเกียบ ช้อนส้อม ...
อ่านต่อ

5 สิ่งพึงระวัง หากอยากปล่อยเช่าให้ราบรื่น!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจปล่อยเช่าคอนโดเป็นธุรกิจที่ใครหลายคนให้ความสนใจ เพราะถือได้ว่า เป็นธุรกิจ “เสือนอนกิน” เพียงแค่ลงทุนหนึ่งครั้งก็สามารถมี ‘Passive Income’ ไปได้ตลอด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกการลงทุนนั้นจะประสบความสำเร็จ ถ้า “เสือ” ไม่ระวัง ก็อาจโดนธุรกิจนี้ “กิน” เสียเอง ดังนั้น วันนี้เรามี 5 สิ่งที่ผู้ปล่อยเช่ามือใหม่ควรพึงระวังไว้ หากอยากปล่อยเช่าให้ราบรื่นมาฝากกันค่ะ . ศึกษาโครงการให้ดีก่อนลงทุน ทำเล รูปแบบห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นสิ่งสำคัญที่ควรศึกษาเกี่ยวกับโครงการนั้น ๆ ก่อนที่คิดจะลงทุน ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะศึกษา ก็คือควรดูว่าห้องนั้นอยู่ในทำเลที่ดีหรือไม่ สะดวกต่อการเดินทางไหม มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ครบหรือเปล่า เช่นใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า ตลอดจน ทิศของห้องหันไปทางที่มีแสงหรือเปล่า โดนตึกอื่นบล็อกไหม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ปล่อยเช่าง่ายหรือยากด้วย . ระวังค่าเช่าไม่สอดคล้องกับตลาด อย่าเพิ่งหลงเชื่อเวลาที่มีคนบอกว่าคอนโดนี้การันตีค่าเช่าที่สูง เพราะคุณอาจไม่ใช่คนเดียวที่เขาบอกแบบนั้น ลองนึกภาพว่าถ้านักลงทุนจากทุกที่มารุมซื้อคอนโดแห่งเดียวกันและปล่อยเช่าในราคาสูง สวนทางกับตลาด สุดท้ายแล้ว คุณก็จะปล่อยเช่าไม่ได้ ไหนจะต้องเจอคู่แข่งอีกมหาศาล เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลดราคาค่าเช่า และขาดทุนในท้ายที่สุด . ค่าเช่าดี ราคาขายต้องได้ อีกหนึ่งข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กู้เงินมาลงทุนปล่อยเช่าก็คือ ควรศึกษาแนวโน้มของโครงการนั้นให้ดีว่า นอกจากจะได้ค่าเช่าที่ดีแล้ว ราคาขายก็ควรจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้าเรากู้เงินจากธนาคารมาลงทุน ก็เท่ากับว่าเงินค่าเช่าที่เราได้ก็จะต้องนำไปจ่ายคืนให้ธนาคารหมด ใช้เวลานานกว่าจะได้กำไรคืน ดังนั้น ในกรณีควรดูด้วยว่าการลงทุนกับสินทรัพย์นี้จะได้ราคาขายที่ดีต่อไปในอนาคต . รู้เขา รู้เรา ตรวจสอบผู้เช่าก่อนปล่อยเช่า เมื่อมีผู้เช่าติดต่อมาขอเช่า อย่าพึ่งหลงดีใจตกปากรับคำ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้เช่าให้ดีเสียก่อน เพราะบางทีอาจเกิดปัญหาตามมาได้เช่น ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา ทำกิจกรรมที่เป็นข้อห้ามของคอนโด ฯลฯ ดังนั้น ก่อนที่จะทำข้อตกลง ควรสอบถามประวัติผู้เช่า เพื่อที่จะได้ทราบว่าเขาเป็นใคร มีสถานะการงานและการเงินเป็นอย่างไร มีกิจกรรมพิเศษอะไรที่ทำในห้องบ้างหรือเปล่า เช่น การสูบบุหรี่ หรือ เลี้ยงสัตว์ เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจอยู่ในข้อห้ามของคอนโด หรือ ทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน จนอาจเลยเถิดไปถึงขั้นที่ต้องเสียค่าปรับ . ระวังเรื่องกฎหมายและการทำสัญญา สัญญาที่ทำกับผู้เช่าควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร ครอบคลุม ชัดเจน รัดกุม ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าถ้าเกิดความเสียหายในส่วนไหน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เราเสียเปรียบและป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต ทั้งนี้เรื่องกฎหมายก็ต้องศึกษาให้ดี เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายทั้งเรื่องการเสียภาษี ค่าธรรมเนียม ...
อ่านต่อ