🥳We Are Here🎊 Shinyu Residence, a Thai-Japanese condo agent company at the Keyne By Sansiri.
Shinyu Residence, a Thai-Japanese condo agent company, has opened our new branch at the Keyne By Sansiri project. 🥳🎊 Shinyu Residence Shinyu Residence has opened a sales office at Keyne By Sansiri, we are ready to provide complete services for selling and renting condominiums, both in terms of living and investing. With after-sales service and more than 10 years of experience, we have impressed both Thai and foreign customers, especially Japanese customers. Meet us today! in the lobby at the Keyne By Sansiri. Keyne By Sansiri A luxury high-rise condo with unique characteristics from the Sansiri group, located on Sukhumvit ...
อ่านต่อ Protected: Urbitia Thonglor, condominium that emphasizes closeness to nature with the concept “Bring nature into architecture” 🎄
There is no excerpt because this is a protected post.
อ่านต่อ Shinyu Real Estate the exclusive agent of Ashton Asoke by Ananda
Finally! D-Day วันนี้ ผู้บริหารและทีมงาน Shinyu Real Estate นำโดย คุณโยจิ คิตาอุระ President คุณนัชชรี ภูริปรีชา CEO and Co-founder และ ทีมขาย ได้รับเกียรติถ่ายภาพร่วมกับตัวแทนทีมผู้บริหารจากบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คุณสุเมธ รันศรีกุล กรรมการผู้จัดการธุรกิจคอนโดมิเนียมแอชตัน และ คุณไอรินลดา อนันต์กิจคุณากร Head of Business Unit แอชตัน ที่โครงการ Ashton Asoke ต้อนรับการเข้ามาเป็น Exclusive Agent อย่างเป็นทางการ หลังจากนี้จะมีโปรโมชั่นอะไรพิเศษสำหรับลูกค้า Shinyu Real Estate ติดตามได้ที่เพจของเราเลยนะคะ รับรองว่าปัง ปัง ปัง! พลาดแล้วคุณจะต้องเสียใจ แอบกระซิบบอกได้คำเดียวว่า ดีลดีที่สุดอยู่ในมือเราแล้ว สำหรับจุดเด่นของโครงการนี้คงจะหนีไม่พ้นทำเลใจกลางแยกอโศก เดินทางแสนสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT ที่ใกล้เพียงแค่หน้าโครงการเท่านั้น แถมยังเป็น Interchange Station ระหว่าง BTS อโศกและMRTสุขุมวิท อีกด้วย Facilities ของโครงการก็ครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้อาศัย ไม่ว่าจะเป็น Social Club ห้องสมุด สระว่ายน้ำแบบสระเกลือขนาดใหญ่ที่แยกสระสำหรับเด็กอย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่ส่วนกลางที่สวยงาม รับรองว่าถ้าได้ไปครอบครองแล้วไม่มีคำว่าเสียใจ สำหรับลูกค้าท่านไหนที่ต้องการดีลพิเศษสำหรับ Ashton Asoke สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://docs.google.com/…/1v-RPMqdun…/edit… ________________________________________________________ บริษัทเอเจ้นท์คอนโดสัญชาติไทย-ญี่ปุ่น “Shinyu Real Estate” สนใจคอนโดราคาพิเศษ และบริการแบบ One Stop Service Buy / Sell / Rent / Inspection / Interior / Management Website ...
อ่านต่อ Modiz Rhyme Ramkhamhaeng เปิดให้ลงทะเบียนแล้ววันนี้
มาจ้ามาจ้ามาตามสัญญา แอดมินนำรูปห้องตัวอย่างโครงการ Modiz Rhyme Ramkhamhaeng มาเสริฟให้ลูกค้าชมกัน พร้อมทั้งโปรสุดพิเศษเฉพาะลูกค้า Shinyu Real Estate เท่านั้น‼️ ลงทะเบียนกับเราวันนี้ ดูแลดีจนจบดีล‼️ Shinyu Real Estate x Modiz Rhyme Ramkhamhaeng 👑💎 🎉🎉ไลฟสไตล์คอนโดมิเนียมแห่งแรกและแห่งเดียวบนทำเลทองรามคำแหงที่เชื่อมต่อคุณกับชีวิตในเมืองกลาง MRT สถานีรามคำแหง 🧡 ด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่และ Cloud Facility ครอบคลุมถึง 3 ชั้น ให้คุณได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบมี Space ส่วนตัวอีกทั้งยังสะดวกสบายด้วย Lifestyle Retails ครบ จบในที่เดียว 💖 ⚡️เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท แต่งครบ หรู ดูดี หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย พิเศษก่อนใครลงทะเบียนกับเราวันนี้รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท‼️ 📍คลิกเพื่อรับสิทธิพิเศษ https://forms.gle/f2H61VNmX3TVF2rt6 📌ข้อมูลเพิ่มเติม Line: @shinyurealestate หรือคลิก: m.me/shinyurealestate โทร 02-001-3033
อ่านต่อ ไวรัสโคโรน่าส่งผลอย่างไรต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย?
สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์อย่างที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ สงครามการค้าอิหร่าน-สหรัฐฯ เงินบาทแข็งค่า มาตรการ LTV ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายใน ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นและอัตราการซื้อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนและผู้ซื้อต่างชาติ . สำหรับตลาดที่เราจะโฟกัสในวันนี้คือตลาดผู้ซื้อและนักลงทุนชาวจีนที่เรียกได้ว่าเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดอสังหาฯในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ ทั้งเรื่องข้อจำกัดในการนำเงินออกนอกประเทศ เงินบาทที่แข็งค่า และในวันนี้ปัจจัยสำคัญที่เราต้องเผชิญและเรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาฯมากพอสมควรคือ “ไวรัสโคโรนา” . ผู้ซื้อและนักลงทุนชาวจีนหายไปจากตลาดอสังหาฯ ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่เป็นวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจากตลาดเกือบหมดกระทบต่อตลาดอสังหาฯประเภทปล่อยเช่า ทั้งเซอวิสอพาร์ทเม้น โรงแรม ฯลฯ ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยเนื่องจากในช่วงหยุดยาวชาวจีนใช้เงินในการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด . สำหรับผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้กระทบโดยตรงต่อจำนวนผู้ซื้อชาวจีน แต่หากมองกลับกันกลับพบว่า จากที่ประเทศจีนมักเกิดปัญหาโรคระบาดร้ายแรงบ่อยครั้ง เช่น โรคซาร์ส จะทำให้ชาวจีนบางส่วนหันมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 รับมือหากเกิดโรคระบาดร้ายแรงในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีคนจีนบางส่วนย้ายมาอาศัยในประเทศไทยในช่วงที่จีนประสบปัญหา . การเกิดขึ้นของปัญหาและอุปสรรคบางครั้งมันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่หากเราศึกษาข้อมูลให้ดี และวางแผนเพื่อรับมือกับมันได้อย่างครอบคลุม ก็จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาและผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี
อ่านต่อ 5 เทรนด์อสังหาฯ ประจำปี 2020
วันนี้ Shinyu Real Estate จะพาทุกท่านมาส่องเทรนด์อสังหาฯ ในปีหน้า รู้ไว้ใช่ว่า ลงทุนปีหน้าไม่พลาดแน่นอนค่ะ 😉 . :: วัยที่ลงทุนกับอสังหาฯ มากที่สุดคือ Millennials :: ตามข้อมูลจาก realtor.com ระบุว่าช่วงปีที่ผ่านมาลากยาวจนถึงปีหน้า Millennials หรือผู้ที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1981-1996 หรือคนที่มีอายุ 21-37 ปี คือช่วงวัยที่ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในตลาด ทั้งนี้ เป็นเพราะคนในวัยนี้ คือช่วงอายุที่เริ่มทำงาน มีหน้าที่การงานที่มั่นคง และเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวกันได้บ้างแล้ว จึงเริ่มขยับขยายซื้อบ้าน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตามด้วย Gen X หรือผู้ที่เกิด ค.ศ.1965 – 1980 และ Baby Bloomer ที่ค่อนข้างมีสถานภาพการงานและการเงินมั่นคงมากกว่า มีสินทรัพย์ในครอบครองที่อยู่ตัวแล้ว . :: คนมองหาห้องเช่ามากกว่าจะซื้อบ้าน :: ในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วทั้งโลกอย่างในปัจจุบัน ทำให้กำลังซื้อของคนชะลอตัวลงไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ราคาแพงก็ยิ่งเข้าถึงได้ยากมากขึ้นสำหรับคนหลายๆ กลุ่ม ดังนั้น คนจึงเลือกที่จะเช่าห้องมากกว่าจะซื้อบ้าน เพราะมีความยืดหยุ่นสูงกว่านั่นเอง . :: เหล่านักพัฒนาอสังหาฯ เปลี่ยนเป้าหมายไปลงทุนนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น :: ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านจะสังเกตได้ว่าในหน้าข่าวอสังหาริมทรัพย์ เต็มไปด้วยข่าวการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ใหม่ ทั้งในเขตพื้นที่ EEC อย่าง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วประเทศอย่างภูเก็ต ขอนแก่น และเชียงใหม่ สำหรับเขตพื้นที่ EEC เป็นเขตพื้นที่ที่จะยกระดับเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มตัว มีโครงการต่างๆ ของรัฐที่กำลังถูกพัฒนาอยู่มากมาย อย่างเช่น โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก, โครงการรถไฟความเร็วสูง, โครงการพัฒนาท่าเรือ แหลมฉบัง และ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุด เมื่อโครงการเหล่านี้เสร็จสิ้น จะสามารถดึงดูดทั้งแรงงาน ชาวต่างชาติ และนายทุนเข้ามาอยู่อาศัย ทำงาน ท่องเที่ยว และลงทุนได้มากขึ้น จึงกลายเป็นพื้นที่ที่นักพัฒนาอสังหาฯ ทั้งหลาย จับตามองเป็นพิเศษ . :: คนคาดหวังกับบ้านที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ...
อ่านต่อ ‘ฮ่องกง’ ตลาดเล็กที่กำลังมา
จากเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงที่กินเวลามากว่าหลายเดือน และดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินต่อไป ส่งผลให้ชาวฮ่องกงบางส่วนเริ่มมองหาและลงทุนกับที่อยู่อาศัยนอกประเทศกันมากขึ้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่ชั่วคราว เหมือนกับ ‘เซฟเฮ้าส์’ ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจ . จากข้อมูลของพร๊อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ชาวฮ่องกงนิยมอยู่คอนโดย่านใจกลางเมือง อย่างเช่น สุขุมวิท เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติสามารถใช้ชีวิตได้ง่าย โดยห้องที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจคือคอนโดขนาด 1-2 ห้องนอนราคาอยู่ในช่วง 5-10 ล้านบาท . อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับตลาดจีนแล้ว ฮ่องกงยังถือว่าเป็นตลาดที่เล็กมาก แต่ก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตและในระยะยาว เนื่องจากฮ่องกงมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่อยู่อาศัย และ ราคา กล่าวคือ ราคาอสังหาฯ นั้นแพงมาก แต่พื้นที่อยู่อาศัยที่ได้กลับเล็กมากเช่นกัน คนฮ่องกงจึงมีแนวโน้มที่จะลงทุนกับอสังหาฯ ในต่างประเทศที่ดูคุ้มค่าและสามารถทำกำไรได้มากกว่า ถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ใช่เป็นที่อยู่อาศัยหลักก็ตาม . นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนทั้งจีนและฮ่องกง ที่ต้องการย้ายฐานผลิตมายังอาเซียน เมื่อเจอตัวเร่งอย่างสถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกง ที่กระทบต่อการค้าโดยตรง ก็ทำให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในอาเซียนเร็วขึ้น ซึ่งไทยเองก็อีกหนึ่งจุดหมายปลายทาง เพราะอยู่ใกล้กับฮ่องกง ไม่มีปัญหาด้านการเมืองและประวัติศาสตร์ต่อกัน อีกทั้งยังมีความคิดและไลฟ์สไตล์ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น ในอนาคตก็อาจมีกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ดังนั้น ต่อไปในอนาคตตลาดฮ่องกง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย
อ่านต่อ ปล่อยเช่าทั้งที ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?
การจะเริ่มลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ‘ตัวเลขที่ใช้ลงทุน’ หรือ ‘ค่าใช้จ่าย’ คือสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่ ราคาค่าอสังหาฯ ที่เราจะซื้อ ค่าผ่อน ค่าดอกเบี้ย หรือ ค่าตกแต่ง-ซ่อมแซม เท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง ‘ภาษี’ ประเภทต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับการลงทุนปล่อยเช่า ตั้งแต่กระบวนการเข้าซื้ออสังหาฯ ไปจนถึงกระบวนการการปล่อยเช่า โดยวันนี้เราจะพามามือใหม่หัดปล่อยเช่ามาดูกันว่าภาษีที่เราต้องเสียกันมีอะไรบ้าง เผื่อจะได้นำไปคำนวณเพื่อหักลบค่าใช้จ่ายกันถูกค่ะ . :: ภาษีที่ต้องเสียเมื่อทำการเข้าซื้ออสังหาฯ :: 💵 ค่าโอน และ ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม 💵 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย ซึ่งตั้งแต่วันนี้ – 24 ธ.ค. 2563 ทางรัฐมีมาตรการให้ลดค่าโอนของอสังหาฯ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทเหลือ 0.01% เพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ 💵 ค่าจดจำนอง 💵 1% ของมูลค่าที่จำนอง หรือ จำนวนที่กู้ทั้งหมด (ในกรณีที่จำนองกับสถาบันการเงิน) ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้ – 24 ธ.ค. 2563 นี้ ทางรัฐมีมาตรการให้ลดค่าจดจำนองของอสังหาฯ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทเหลือ 0.01% 💵 ภาษีธุรกิจเฉพาะ 💵 3.3% ของราคาซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน 💵 ค่าธรรมเนียมส่วนอื่นตามแต่ที่ตกลงกัน เช่น ค่าอากรสแตมป์ 💵 0.5% ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน . :: ภาษีที่ต้องเสียเมื่อทำการปล่อยเช่า :: 💰 ภาษีเงินได้ 💰 เมื่อไหร่ที่เรามีเงินได้ เราก็ต้องเสียภาษี โดยภาษีที่เราต้องเสียเมื่อทำการปล่อยเช่าก็คือ ‘ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ ประเภทที่ 5 หรือก็คือภาษีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เช่น การให้เช่าบ้าน คอนโดฯ โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ซึ่งภาษีเงินได้นี้จะต้องยื่นแก่สรรพากรทุกปี ในช่วงกลางปี (มกราคม-มิถุนายน) โดยสามารถคำนวณภาษีได้ 2 แบบด้วยกัน คือ 👉🏻 1. วิธีเงินได้สุทธิ โดยคำนวณจากเงินทั้งหมดที่ได้รับ แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ตามสูตร (รายได้ ...
อ่านต่อ ลดค่าโอนและค่าจดจำนอง โอกาสทองในวิกฤตอสังหาฯ จริงหรือ!?
เมื่อไม่นานมามีทางรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมาตรการนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ทั้ง บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม กันมากขึ้น เพราะที่มาในปีนี้เศรษฐกิจมีการชะลอตัว กำลังซื้อหด ทำให้ตลาดอสังหาฯ ซบเซาตามไปด้วย โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ค้างอยู่ในสต็อกกว่า 50% . อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังต่อไปนี้ . ในส่วนของข้อดี มาตรการนี้ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในกลุ่มผู้ซื้อระดับรายได้น้อย-ปานกลาง และผู้ที่มีเงินเย็น เพราะสามารถลดภาระต้นทุนในการซื้ออสังหาฯ ลงไปได้ เรียกได้ว่าอาจเป็นโอกาสทองในการเข้าซื้ออสังหาฯ เพราะนอกจากจะได้ลดค่าโอน-ค่าจดจำนองแล้ว ยังเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต้องหาโปรโมชันต่างๆ มาลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย และสำหรับผู้ประกอบการที่ถืออสังหาฯ ที่ระดับระคาต่ำกว่า 3 ล้านเอง ก็จะสามารถระบายสต็อกออกได้มากขึ้นจากมาตรการนี้ . ถึงกระนั้น ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว แค่มาตรการนี้อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้ ฟื้นคืนดังเดิม เนื่องจากมาตรการนี้ไม่ได้ครอบคลุมทุกระดับราคาของอสังหาฯ แต่จะเน้นไปที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคานี้ก็จะอยู่แค่เพียงในกลุ่มของ ทาวน์เฮ้าส์ และ คอนโดมิเนียม รอบนอกกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เท่านั้น และถึงจะเป็นกลุ่มใหญ่ในตลาดแต่ก็น่าจะไม่มากพอที่จะส่งผลต่อตลาดมากนัก ถ้าเทียบกับการออกมาตรการที่ครอบคลุมทุกระดับราคา ซึ่งเคยมีมาตรการนี้ออกมาเมื่อปี 2558 . นอกจากนี้ ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ยังซบเซาอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ผู้บริโภคก็ยังคงไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้ ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนมากกว่ากลุ่มไหน ตลอดจนปัญหาเรื่องการความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร และหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง . จะเห็นได้ว่าแม้มาตรการฟังผิวเผินแล้วดูดี แต่ก็อาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคัก เนื่องจากมาตรการยังคงไม่ครอบคลุม และยังคงมีปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ
อ่านต่อ ทำเลไหนจะมา!? ส่องทำเลศักยภาพหลังการปรับผังเมืองกรุงเทพฯ
‘การปรับผังเมืองกรุงเทพฯ’ เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเมืองให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจของประเทศโดยสมบูรณ์ และหากต้องการกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจ “ระบบขนส่งสาธารณะ” ที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงก็คงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ การปรับผังเมืองใหม่ครั้งนี้จึงถูกปรับให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคต ทำให้การยกระดับพื้นที่ประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่พาณิชยกรรมมากขึ้น ส่งผลให้ย่านหลายๆ ย่านที่ในตอนนี้หรือในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าแล่นผ่าน กลายเป็นทำเลศักยภาพ เป็นทำเลทองของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไปโดยทันที ซึ่งจะมีทำเลไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะ . 🏠 รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว 🏠 การปรับผังเมืองกรุงเทพฯ ทำให้ลาดพร้าว จากเดิมที่เป็น พื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ถูกขยับมาเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยปานกลาง เพื่อรองรับการขยายของชุมชน และ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในอนาคตหลังการเข้ามาของรถไฟฟ้าเส้นใหม่ (สายสีเหลือง) ซึ่งจะเชื่อมรัชดาภิเษก-ลาดพร้าวกับเขตเมืองชั้นในไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ทำให้ราคาที่ดินที่เคยหยุดนิ่งก็จะสูงขึ้น ตามการพัฒนาของพื้นที่ โดยที่ดินที่อยู่ติดกับถนนลาดพร้าวมีแนวโน้มจะขยับสูงจาก 1 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 3-4 แสนบาทต่อตารางวา นอกจากนี้ ในส่วนของย่านรัชดาภิเษกเอง จากเดิมที่มีข้อจำกัดในการพัฒนาพื้นที่ แต่ในตอนนี้ มีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นเขต CBD (Central Business District) ได้อย่างเต็มตัว เนื่องจากมีการปรับ อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio) จาก 7:1 เป็น 8:1 ทำให้สามารถสร้างตึกที่มีความสูงมากขึ้นได้ ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ รัชดาภิเษก-ลาดพร้าว จะกลายเป็นเขตที่อยู่อาศัย ย่านทำงาน และย่านไลฟ์สไตล์ ที่คึกคักมากขึ้น เนื่องจากราคาอสังหาฯ ต่ำกว่าใจกลางเมือง แต่ก็มีรถไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่นเดียวกัน . 🏠 บางซื่อ-เตาปูน-บางโพ 🏠 ย่านบางซื่อ-เตาปูน-บางโพ เดิมเป็นชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่อาคารบ้านเรือนจะเป็นตึกแถว ที่ใช้เพื่ออยู่อาศัยและประกอบการค้า แต่หลังจากที่มี MRT สายสีม่วงและสีน้ำเงิน เข้ามาถึงสถานีเตาปูน ส่งผลให้ย่านเตาปูน-บางโพ มีเศรษฐกิจคึกคักกันมากขึ้น มีโครงการธุรกิจใหญ่ๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่น สภารัฐแห่งใหม่ โครงการสะพานเกียกกายของภาครัฐ และ โครงการคอนโดมิเนียมมากมายที่ผุดขึ้นมาตลอดเส้นทางระหว่าง MRT บางโพ กับ MRT เตาปูน ตัวอย่างเช่น 333 Riverside, The Tree Interchange, Chewathai บางโพ ฯลฯนอกจากนี้ ยังมีโครงการชอปปิงมอลล์ยักษ์ใหญ่อย่าง “Gateway บางซื่อ” ...
อ่านต่อ ทำความรู้จักกับ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ กระทบอะไรในธุรกิจการปล่อยเช่า
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการประกาศใช้ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ซึ่งมีแผนจะเริ่มใช้ต้นปีหน้านี้ แทนพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน และ พระราชบัญญัติภาษีบํารุงท้องที่ โดยการเข้ามาของพ.ร.บ. ภาษีที่ดินฯ ฉบับใหม่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อแวดวงอสังหาริมทรัพย์เข้าอย่างจัง เพราะเป็นพ.ร.บ.ที่มีจุดประสงค์เพื่อต้องการลดการถือครองที่ดินเพื่อการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก โดยวันนี้เราจะพามารู้จักพ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ให้มากขึ้นกันค่ะ . :: ใครที่ได้รับผลกระทบ? :: บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากพ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ ได้แก่ 1. เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2. เจ้าของอาคารชุด 3. ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ โดย “เจ้าของ” ในที่นี้ก็คือผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่มีชื่ออยู่ในโฉนดบ้านหรือที่ดิน หรือ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด สำหรับคอนโด . :: ครอบครองสินทรัพย์ใดบ้างถึงต้องเสียภาษี :: 1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม เช่น การทำไร่ ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ 2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ หรืออื่นๆ ที่คนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ 3. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจาก สองข้อแรก ตัวอย่างเช่น โรงงาน คลังสินค้า ตึกแถว อาคาร หรืออื่นๆ ที่สามารถใช้ประกอบการพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรมได้ 4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างปล่อยทิ้งให้ว่าง ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร . :: การวัดมูลค่าเพื่อเสียภาษี :: 1. สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้สำหรับเกษตรกรรม หากมูลค่าของฐานภาษีนั้นไม่เกิน 75 ล้านให้เสียร้อยละ 0.01 ถ้ามูลค่าเกิน 75 ล้าน แต่ไม่เกิน 100 ล้าน ต้องเสีย 0.03 ถ้า เกิน 100 ล้าน แต่ไม่เกิน 500 ล้าน เสียร้อยละ 0.05 และถ้าเกิน 500 ล้าน แต่ไม่เกิน 1000 ล้าน เสียร้อยละ ...
อ่านต่อ ไม่แจ้งตม.30 มีความผิดตามกฎหมาย!?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะปล่อยห้องพักให้ชาวต่างชาติเช่าแล้วล่ะก็ สิ่งจำเป็นที่จะต้องรู้ก็คือ ทุกครั้งที่มีชาวต่างชาติมาเข้าพัก เจ้าของห้อง จำเป็นต้องแจ้งตม.30 เพื่อรายงานการเข้าพักของชาวต่างชาติ “ทุกคน” ต่อกรมการตรวจคนเข้าเมือง “ภายใน 24 ชม.” นับตั้งแต่ชาวต่างชาติผู้นั้นเข้าพักด้วย . จริง ๆ กฎหมายข้อนี้ก็ได้บังคับใช้มานานแล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เพียงเจ้าของโรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์เท่านั้นที่ต้องแจ้ง แต่คนที่ปล่อยห้องเช่า หรือ คนทั่วไปที่มีครอบครัว เพื่อน หรือ คนรู้จักที่เป็นชาวต่างชาติมาพักอาศัยก็จำเป็นต้องแจ้งด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันพวกลักลอบเข้าเมืองหรือผู้ร้ายข้ามแดนนั่นเองค่ะ . แล้วถ้าไม่แจ้งหรือแจ้งไม่ทันจะเป็นอย่างไร? ถ้าไม่อยากเซอร์ไพรส์หน้างาน เราตามมาดูกันดีกว่าว่าจะต้องเจออะไรบ้างหากไม่แจ้ง . ตามกฎหมาย ระบุไว้ว่า ถ้าเจ้าของห้องพักไม่แจ้งตม. 30 หรือไม่แจ้งว่ามีชาวต่างชาติมาเข้าพักอาศัยในห้องเช่าของตัวเอง จะถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องโดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท ต่อชาวต่างชาติ 1 คน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีชาวต่างชาติมาเช่าห้องของเรา 2 คน และเราไม่ได้แจ้งตม.30 ภายใน 24 ชม. ก็จะต้องโดนโทษปรับ 2,000 x 2 = 4,000 บาท . ทั้งนี้ อีกหนึ่งข้อที่ต้องรู้ก็คือ หากชาวต่างชาติคนนั้น เดินทางออกนอกประเทศ หรือ เดินทางไปพักที่อื่น แล้วกลับมาพักกับเราใหม่ แม้ออกไปเพียงไม่กี่วัน เราก็จะต้องรายงานตม.30 ใหม่อีกครั้ง ไม่เช่นนั้น จะถือว่าเราฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องถูกปรับอยู่ดี เนื่องจากละเลยในการรายงานต่อเจ้าหน้าที่ . ดังนั้น หากใครจะปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการแจ้งตม.30 กันด้วยนะคะ และสำหรับหลายๆ ท่านที่ปล่อยเช่าผ่านเอเจนซี ก็ควรจะเลือกเอเจนซีที่ไว้วางใจได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในทางกฎหมายก็คือเจ้าของห้อง
อ่านต่อ ชาวจีนแห่ซื้ออสังหาฯ ไทย ไม่หวั่นแม้เจอพิษหยวนอ่อน
เรียกได้ว่ามาแรงสวนกระแสเงินบาทที่แข็งค่ากันเลยทีเดียว เพราะนักทุนชาวจีนยังคงเดินหน้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะกำลังเผชิญกับพิษเงินหยวนอ่อนซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ . แคร์รี่ ลอว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการจูเหว่ย ดอทคอม เว็บไซต์ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศสำหรับชาวจีนเผยว่า อัตราการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะขายสินทรัพย์ ให้กับชาวจีนแทนการชะลอตัวในการซื้อของคนไทย . ชาวจีนเริ่มวางแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ในไทยตั้งแต่หลายปีก่อน ซึ่งบางโครงการก็จะแล้วเสร็จในปีนี้หรือปีหน้า สิ่งที่ดึงดูดผู้ซื้อชาวจีนให้มาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยนั่นก็คือคุณภาพของสินทรัพย์ในราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ ผู้ซื้อชาวจีนยังชอบแนวคิดของการการันตีค่าเช่า โดยส่วนใหญ่คาดหวังที่จะได้การันตีค่าเช่า 5-7% (ขึ้นอยู่กับโครงการและช่วงราคา) . ตามข้อมูลจากเว็บไซต์จูเหว่ย ดอทคอม ประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศที่ชาวจีนต้องการเข้ามาซื้อสินทรัพย์ ตามด้วยประเทศญี่ปุ่น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้ซื้อชาวจีนมีความต้องการซื้อสินทรัพย์ในไทยมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า . แคร์รี่ ลอว์ ให้ข้อมูลว่า 85% ของผู้ซื้อชาวจีนต้องการซื้อสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับราคา 8 ล้านบาทหรือต่ำกว่า โดยส่วนใหญ่ของผู้ซื้อเหล่านี้มักต้องการคอนโดฯ ขนาด 1 ห้องนอนในกรุงเทพฯ มากที่สุด ส่วนอีก 40% ต้องการอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน ตามด้วย 24% ต้องการอพาร์ตเมนต์ 3 ห้องนอน และอีก 14% ต้องการอพาร์ตเมนต์ขนาด 2 ห้องนอน . เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงตอบโจทย์ จุดเด่นของเมืองไทยก็คือการท่องเที่ยวและผู้คนเป็นมิตร แม้จุดปลายทางหลักอย่างกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ยังคงครองความเป็นที่นิยมอยู่ แต่ชาวจีนก็เริ่มให้ไปให้ความสนใจกับเขตพื้นที่ที่ติดทะเล อย่างเช่น เกาะสมุยและกระบี่ . ชาวจีนชื่นชอบจังหวัดกระบี่ เพราะได้ใช้ชีวิตบนหรูหราในราคาที่เอื้อมถึง รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และชายหาดอันงดงาม มากไปกว่ายังมีเที่ยวบินตรงจากจีนอีกด้วย ถ้าหากคุณเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ แล้วมีคอนโดฯ ทำเลดีๆ อยู่ในครอบครองแล้วล่ะก็ คุณสามารถดึงดูดชาวจีนให้มาซื้อได้ไม่ยากเลย เพราะพวกเขารู้สึกว่าที่นี่คุ้มค่าต่อการลงทุน . ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ชาวจีนสนใจสินทรัพย์ของไทย นอกจากตัวสินทรัพย์ที่มีราคาสมเหตุสมผล สวยงาม และได้ผลตอบแทนดีแล้ว ประเทศไทยยังมีความพิเศษในแบบที่ที่อื่นไม่มี เช่น ประเทศเราใกล้กับจีน วัฒนธรรมไม่แตกต่างกันมาก อาหารอุดมสมบูรณ์ อีกทั้ง การแพทย์ก็มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพง รวมถึง วัยรุ่นชาวจีนสามารถศึกษาในมหาวิทยาลัยในไทยในราคาถูก และเศรษฐกิจโดยภาพรวมมีโอกาสเติบโตในอนาคต . ประเทศไทย…จุดหมายปลายทางของชาวจีนวัยเกษียณ จำนวนตัวเลขของชาวจีนที่เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยหลังเกษียณ มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และภายในปี 2030 ...
อ่านต่อ ยุคสมัยแห่งการลงทุนคอนโด ควรไปต่อ? หรือควรพอแค่นี้!!!
ปัจจุบันหลาย ๆ ท่านที่เป็นนักลงทุนในคอนโดมิเนียม คงได้ยินข่าวสารมากมายเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ฟองสบู่คอนโด คอนโดล้นตลาด กำลังซื้อหดหาย จนเกิดคำถามว่า ยุคของการลงทุนคอนโดฯ ควรไปต่อหรือพอแค่นี้? คำตอบคือ การลงทุนคอนโดฯนั้นยังไปต่อได้แน่นอน แต่ไม่อู้ฟู่เหมือนสัก 3-4 ปีก่อน และต้องใช้ความอดทนมากขึ้น การเลือกซื้อแต่ละครั้งต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ในเลือกคัดสรรที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งเทรนด์การลงทุนคอนโดฯในอนาคตก็จะเปลี่ยนไปอีกมากทีเดียวค่ะ ซึ่งวันนี้ Shinyu Real Estate มีบทวิเคราะห์การลงทุนคอนโดฯในอีก 5 ปีข้างหน้ามาฝากทุกคนกันนะคะ . การย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้าเราน่าจะได้เห็นตัวเมืองที่ขยายออกไปมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โซน Mid สุขุมวิท ที่แต่เดิมถูกมองว่าสิ้นสุดอยู่ที่บริเวณอ่อนนุช แต่ปัจจุบันด้วยการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ บวกกับผู้คนที่ย้ายเข้ามาหาคอนโดฯใกล้รถไฟฟ้าทำให้ Mid สุขุมวิทถูกขยายออกไปจนถึงช่วง BTS อุดมสุขแล้ว ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้าคำว่าสุขุมวิทที่เราพูดถึงอาจจะครอบคลุมไปถึงโซนสำโรงก็เป็นได้ . คอนโดฯที่ติดรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป แต่คนจะเลือกคอนโดฯที่มีความสะดวกสบายพร้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของคนเมืองมีแนวโน้มเลือกที่อยู่อาศัยใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านมากกว่า คอนโดฯที่อยู่ติดรถไฟฟ้าแบบก้าวเดียวถึงแต่ความสะดวกสบายรอบ ๆ มีน้อย เพราะชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯเร่งรีบมากขึ้น การเดินทางติดขัดให้เวลามากขึ้น ทำให้เวลาพักผ่อน ทำกิจกรรมของตัวเองมีลดลง คอนโดฯที่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก หรือเป็นโครงการมิกซ์ยูสจึงเป็นอนาคตที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น . เกิดจากราคาที่ดินใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้คอนโดฯในทำเลดี ๆ ในอนาคตจะราคาสูงขึ้นตามไป เรื่องนี้แม้แต่ปัจจุบันราคาคอนโดฯใหม่ก็ค่อนข้างสูงกว่าฐานเงินเดือนของลูกค้าเป้าหมายไปมาก ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการซื้อลดลง ผู้คนที่ต้องการคอนโดมิเนียมในเมืองมีความสะดวกสบายพร้อมจะปรับเป้าหมายจากซื้ออยู่ เป็นเช่าอยู่แทนเพื่อเตรียมความพร้อมไปก่อนในระยะหนึ่ง . ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว โดยคาดว่าในปี 2568 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุถึง 14.4 ล้านคน (ข้อมูลจาก สสส.) จุดนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนเลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มวัยหลังเกษียณตั้งแต่ 60-70 ปี นับเป็นกลุ่มที่มีครบทั้งเงิน – แรง – เวลา ที่มองหาคอนโดมิเนียมที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง แต่ปัจจุบันคอนโดฯที่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุนั้นมีน้อยมาก ทำให้คอนโดมิเนียมที่มีองค์ประกอบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุนั้นนับว่าเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้นในอนาคต . ในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้าการปล่อยเช่าผ่านช่องทางออนไลน์จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติทั้งที่เข้ามาพักอาศัยระยะสั้น (ประมาณ 1 เดือน) และระยะยาว โดยกลุ่มหลัก ๆ ที่น่าสนใจคือกลุ่ม Senior ...
อ่านต่อ เฮลั่น! ชินยูผูกสัญญาเป็น Agent ให้”Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร”
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท เอเชี่ยน บิสซิเนส พาร์ทเนอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือชินยู เรียลเอสเตท ได้มีการลงพื้นที่และวางแผนในการร่วมมือกันกับบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ในการเข้าร่วมเป็น Sole Agent ดูแลตลาดต่างชาติให้ โดย Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร นั้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูที่เพิ่งถูกพัฒนา ให้เป็นคอนโด Low rise 8 ชั้น 218 ยูนิต ราคาจับต้องได้ในย่านรัชดา-สุทธิสาร ภายใต้คอนเซ็ป “นิยามของความสุด สู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ : Live Your Life Prime” ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารเพียง 400 เมตรเท่านั้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ได้ตกลงร่วมเซ็นสัญญากับ บริษัท เอเชี่ยน บิสซิเนส พาร์ทเนอร์ส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Shinyu Real Estate เพื่อแต่งตั้งให้ชินยูเป็น Sole Agent รายเดียวที่ดูแลรับผิดชอบการขายในตลาดต่างชาติทั้งหมดของโครงการ โดยได้มีการถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นที่ระลึกและแสดงความยินดีกันระหว่าง ง ผู้บริหาร คุณนัชชรี ภูริปรีชา กับ ทีมผู้บริหารบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท นำโดย คุณวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมงาน Shinyu Real Estate ณ โครงการ Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร Shinyu Real Estate ต้องขอขอบคุณ บริษัท ...
อ่านต่อ