Shinyu Residence ขอร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่งสตรีสากล ด้วยเรื่องราวของสตรีที่ทรงพลังในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
ที่มากด้วยความสามารถ และประสบการณ์ สำหรับสุภาพสตรีท่านแรกที่ทางเราอยากนำเสนอ นั่นก็คือคุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ซึ่งเป็นหัวหอกคนสำคัญของกลุ่มบริษัท “ดุสิตธานี” ที่มีทั้งความสามารถ ประสบการณ์ และแนวความคิดดีๆ
ที่เรามั่นใจว่าเรื่องราวของท่านจะช่วยสร้างพลังและแรงบันดาลใจให้กับคุณได้ จะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ
- คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทภายในเครือดุสิตธานี
เธอได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บริหารนักแก้ปัญหา และเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร - การได้มาของตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอนัก ด้วยความเป็น “ผู้หญิง” และตอนนั้นอายุยังไม่มากเท่าไหร่
จึงถูกตั้งคำถามบ่อยๆ เกี่ยวกับความสามารถในการบริหารงานของเธอ
.
แต่ประสบการณ์ในการของเธอนั้นเองก็ไม่ได้น้อยหน้าใครที่ไหนเลย ก่อนก้าวเข้ารับตำแหน่งซีอีโอแห่งดุสิตธานี
เธอได้ผ่านการทำงานในบริษัทชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน
#ผ่านประสบการณ์การทำงานจากบริษัทชั้นนำระดับโลก
- โดยเริ่มจากการทำงานที่บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด และในวัย 37 ปี เธอคือกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์กร - หลังจากนั้นยังได้ถูกเลือกเป็นผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักงานใหญ่ IBM, New York, U.S.A.
ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายนัก มีการคัดเลือกคนที่มาทำตำแหน่งนี้อย่างเข้มข้น
เฉลี่ยแล้วหนึ่งคนจะได้ทำงานราว 6 เดือน แต่คุณศุภจีได้อยู่ในตำแหน่งนี้ถึง 18 เดือน
.
หลังจากทำงานที่ IBM มาถึง 23 ปี เธอได้ตัดสินใจก้าวออกมาเพื่อหาประสบการณ์ใหม่
กับการกลับมารับตำแหน่ง
#ซีอีโอหญิงแห่งบริษัทไทยคม ที่ประเทศไทย
- ในปี 2554 เธอได้ตัดสินใจกลับมาทำงานที่ประเทศไทย และรับงานเป็นซีอีโอของ “ไทยคม”
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คนในวงการธุรกิจแปลกใจมาก เพราะที่ผ่านมาซีอีโอของไทยคม จะเป็นบุคลากรสายวิศวกรรม
ที่มีความรู้เรื่องกลไก แต่ศุภจีไม่ได้มีพื้นความรู้เรื่องดาวเทียมมาก่อนเลย
เธออาจจะเก่งเรื่องการบริหารคนและการดีลงานในระดับนานาชาติก็จริง แต่เรื่องดาวเทียมนั้น
“เธอต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด” - แต่ในระยะเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น เธอทำให้ไทยคมกลับมามีกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ในช่วง 12 เดือนของปี 2555 ศุภจีทำให้ไทยคมได้กำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 548% จากปีที่แล้ว
และจากนั้นก็ทำกำไรได้ 12 ไตรมาสติดต่อกัน จนเธอได้รับรางวัลผู้บริหารแห่งวงการดาวเทียมยอดเยี่ยมแห่งปี
จากสมาคมสื่อสารผ่านดาวเทียมแห่งเอเชีย-แปซิฟิค (APSCC) ในปี 2557#ผู้หญิงหนึ่งเดียวผู้นำแห่งอาณาจักร “ดุสิตธานี” - หลังจากสร้างรากฐานให้ไทยคมจนแข็งแรงแล้ว คุณศุภจีก็ได้มุ่งหน้าทำตามแพชชั่นใหม่ของเธอ
นั่นก็คือ เธอต้องการเอาความเป็นไทย ออกไปให้คนทั่วโลกได้รับรู้ นี่เป็นเหตุผลที่เธอตอบรับคำชวน
ของคุณชนินทธ์ โทณวณิก และก้าวเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของดุสิตธานี ในวันที่ 1 มกราคม 2559 - ในช่วงแรกคุณศุภจีนั้นถือว่ายังเป็นมือใหม่มาก ในธุรกิจโรงแรม เนื่องจากทำงานสายเทคโนโลยีมาตลอด
แต่เธอก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คนอีกครั้ง ด้วยการสร้างกำไรให้กับดุสิตธานีที่ดูแลอยู่
อย่างแต่ต่อเนื่องและมีกำไรสุทธิ 290 ล้านบาทในปี 2561 จากนั้นปี 2562 มีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท - ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม สร้างกำไรให้กับองค์กรอย่างเป็นประวัติการณ์ ทำให้เดือนตุลาคม 2562
เอ็มเคมีเดีย สื่อมวลชนจากเกาหลีใต้ มอบรางวัล ASEAN Entrepreneur Award ให้กับเธอ
ในสาขานักธุรกิจดีเด่นแห่งอาเซียน
.
#การรับมือกับวิกฤติโรคระบาด ปัญหาใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ดุสิตธานีเปิดทำการ
- แต่แน่นอนว่าทุกเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในช่วงต้นปี 2563 ได้เกิดการแพร่ระบาดของ โควิด-19
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก
สำหรับดุสิตธานี แม้จะไม่ถึงขนาดต้องปิดโรงแรมแต่ก็เจ็บตัวไม่น้อยจากรายได้ที่หายไปอย่างน่าตกใจ
สิ่งที่คุณศุภจีทำคือต้องวางแผนแก้ปัญหา อย่างแรกที่ต้องวางแผนก็คือเรื่องตัวเลขรายได้กับค่าใช้จ่าย
โดยเธอเลือกที่จะตัดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นออก แน่นอนว่าการลดคนเป็นทางเลือกสุดท้ายของเธอ
ในขณะที่การหารายได้เพิ่ม เธอได้ทำธุรกิจอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่และระบบแม่บ้านกับช่างตามบ้านมากยิ่งขึ้น
โดยใช้พนักงานที่มีอยู่ในมือของเธอ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เฉพาะหน้า
นอกจากนี้ยังมี Dusit Care Card มูลค่าใบละ 2,888 บาท สามารถเก็บไว้ใช้งานได้ 2 ปี
โดยเป็นที่พักในโรงแรมเครือดุสิต 1 คืน พร้อมอาหารเช้า
นี่ก็ถือเป็นวิธีการสร้างกระแสเงินสดให้กับดุสิตธานี ในยามที่ไม่มีลูกค้ามาพักโรงแรมแบบนี้ - อีกจุดที่สำคัญมากๆ ที่เธอโฟกัสคือ ความรับผิดชอบต่อสังคมกล่าวคือ ในยามวิกฤติแบบนี้ ในฐานะองค์กรใหญ่
แน่นอนว่าสังคมย่อมต้อง “คาดหวัง” การตอบสนองที่ดี เพราะหากผ่านมรสุมโรคระบาดไปแล้ว
แต่ภาพลักษณ์องค์กรไม่ดี นั่นคงส่งผลกระทบกับองค์กรของเธอในระยะยาวอย่างนอน
สิ่งที่เธอทำก็คือการทำอาหารส่งไปให้ทางโรงพยาบาลในทุกวัน ตามกำลังที่สามารถทำได้
และยังมีโครงการชื่อ Giving Project เป็นการทำคอร์สสอนทำอาหารออนไลน์ฟรีให้คนทั่วไป
เพื่อที่ผู้คนเหล่านั้นจะได้นำไปสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองต่อได้
และการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนของคุณศุภจี ทำให้สถานการณ์ของดุสิตธานี ไม่ได้เจอมรสุมหนัก เหมือนแบรนด์อื่น
และยิ่งในเวลานี้ สภาพเศรษฐกิจใกล้จะกลับมาเป็นปกติแล้วทำให้ดุสิตธานี เตรียมคัมแบ็กอย่างแข็งแกร่ง
ถือว่าสตรีท่านนี้คือตัวอย่างที่น่าประทับใจในทุกด้าน ทั้งความเก่งและแนวคิดในการบริหารโดดเด่น
จึงไม่แปลกที่เธออยู่ในองค์กรไหนก็สามารถนำพาให้องค์กรนั้นก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างน่าอัศจรรย์
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://shinyurealestate.com/article/category/knowledge
หรือ https://www.facebook.com/Shinyu-Real-Estate-Official-100529669046345