องค์กรสหประชาชาติคาดการณ์ว่าภายในปี 2593 ประชากรโลกจะมีจำนวนมากถึง 9.7 พันล้านคน
สภาพแวดล้อมในเขตเมืองจะถูกกลบด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็ว
และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามประชากรต้องพบเจอกับปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย
.
หลายประเทศจึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการที่อยู่อาศัยของประชากร รวมทั้งการคมนาคมและ
ระบบพลังงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโลกด้วย
สถาปนิกหลายๆ คนเล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเหล่านี้ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยให้การออกแบบ
ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกในคอนเซ็ป Smart City เพื่อให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น
ในวันนี้เราจะมาคุณมาชม เมืองแห่งอนาคต ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกของเรากันค่ะ จะเป็นที่ไหนบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
.
Xiong’An New Area, China
เมืองแห่งอนาคต ต้นแบบด้านความพอเพียงที่ชนะการแข่งขันการออกแบบเมืองระดับท้องถิ่น
แนวคิดในการสร้างเมืองของเมืองนี้สามารถเป็นต้นแบบให้กับเมืองต่างๆทั่วโลกได้ดีเลยทีเดียว
โดยอาคารจะสร้างจากไม้และได้รับการออกแบบ
ให้ใช้พลังงานน้อยกว่าอาคารแบบเดิมถึง 80% จากการใช้แผงโซลาร์เซลล์ ระบายอากาศตามธรรมชาติ
และใช้หลังคาสีเขียวที่เป็นฉนวนกันความร้อน
.
AI CITY, China Bjarke Ingels Group
ได้ออกแบบ High-Tech Campus สำหรับบริษัทเทคโนโลยีเครือ Terminus Group ในประเทศจีน
โดย AI City แห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่ง ได้รับการออกแบบให้ดำเนินการโดย AI ระบบอัจฉริยะของ e-bike ยานยนต์
และรถยนต์ ขับเคลื่อนเองที่ให้บริการทั่วทั้งพื้นที่ แต่ละจุดใน AI City ได้รับการตั้งโปรแกรมเพื่อจัดกิจกิจกรรมสาธารณะ
ที่ทันสมัย เช่น จุดการแข่งขันกีฬา นิทรรศการศิลปะและงานแสดงสินค้าที่จัดตั้งอยู่ระหว่างภูเขา
เพื่อให้เมฆช่วยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ส่องกระทบอาคารเต็มที่ และมีหลังคายื่นออกมาเพื่อปกป้องพื้นที่จากสภาพอากาศต่างๆ
.
New Clark City, Philippines
ฟิลิปปินส์เริ่มก่อสร้างเมืองอัจฉริยะแห่งนี้ในปี 2561 ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้เมืองนี้ “ปลอดมลภาวะ”
ด้วยการใช้พลังงานสีเขียวและการก่อสร้างที่ใช้พลังงานอย่างจำกัดและสามารถทนต่อภัยธรรมชาติได้
โดยสถานที่ในการก่อสร้างนั้นถูกกำหนดให้อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร
รัฐบาลตั้งใจสร้างเมืองสำรอง เพื่อใช้หากเมืองหลวงอย่างมะนิลาได้รับความเสียหายจากเหตุภัยธรรมชาติ
เช่น แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น หรือน้ำท่วม
.
Net City, China
บริษัท Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนออกมาเปิดเผยถึงสถานที่ ที่จีนตั้งใจที่จะสร้างเมืองที่ปราศจากรถยนต์
ในเมืองเซินเจิ้น ครอบคลุมพื้นที่ 2 ล้านตารางเมตรเรียกได้ว่าขนาดใหญ่เทียบเท่าประเทศโมนาโกทั้งประเทศ
โดยจะก่อสร้างบริเวณริมแม่น้ำเพิร์ลและจะเชื่อมต่อเมืองเซินเจิ้นด้วยสะพานถนน เรือข้ามฟากและระบบรถไฟใต้ดิน
ของเมือง หากแล้วเสร็จจะสามารถรองรับคนได้ถึง 80,000 คน โดยจะต้องใช้ระยะการก่อสร้างประมาณ 7 ปี
.
The Sustainable City, Dubai
ดูไบมีความตั้งใจจะสร้างเมืองที่ยั่งยืนบนพื้นที่กว่า 5 ล้านตารางฟุต ในเมืองนี้จะมีบ้านทั้งหมด 500 หลัง
โดยแต่ละหลังจะขับเคลื่อนด้วยแผงโซลาร์เซลล์ น้ำทั้งหมดจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่
และทุกบ้านสามารถปลูกผักของตัวเองได้ในโรงเรือนไอโอม 11 แห่งทั่วเมือง
.
แต่ละเมืองเรียกได้ว่าน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว โลกของเรากำลังพัฒนาเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีและ
ความทันสมัยอย่างแท้จริง สิ่งต่างๆ ที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
แต่การพัฒนาต่างๆ นั้นก็จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน เพื่อให้โลกของเราน่าอยู่
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://shinyurealestate.com/article/category/knowledge
หรือ https://www.facebook.com/Shinyu-Real-Estate-Official-100529669046345