
เปิดแล้ว! ช่องทางใหม่ๆที่จะทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น 💙
พบกับ Official Instagram ของชินยูได้แล้ววันนี้ ทีมจะคอยอัพเดตบริการของเรา รวมทั้งทรัพย์ราคาน่ารักมากมาย อย่าลืมกดติดตามกันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง ❗
.
และอีกหนึ่งช่องฝากห้องกับ Line Official Account ไม่ว่าจะเป็นเช่าหรือขายเราก้ยินดีให้บริการพร้อมทำการตลาดให้กับลูกค้าทุกคน
แล้วพบกันนนะคะ 😀

Recommended
อย่าลืมแจ้งตม. 30 เมื่อคุณคิดปล่อยเช่าอสังหาฯ ให้ชาวต่างชาติ
ทันทีที่ผู้เช่าชาวต่างชาติเข้าห้องพักที่คุณปล่อยเช่า คุณอาจคิดว่าหน้าที่ในฐานะของเจ้าบ้านได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะ เพราะสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนต่อไปก็คือการแจ้ง ‘ตม. 30’ หรือ การแจ้งข้อมูลของลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาพักในห้องของเรา ให้กับที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง หรือสถานีตำรวจในท้องที่ ได้รับทราบ ตามพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 การแจ้งตม. 30 นี้ ไม่ว่าใครที่ประกอบกิจการโรงแรม เกสเฮ้าส์ แมนชั่น อพาร์ตเม้นท์ สถานประกอบการ หรือบ้านเช่า ก็ต้องทำการแจ้งว่ามีชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย ‘ภายใน 24 ชั่วโมง’ นับจากเวลาเข้าพัก และที่สำคัญก็คือ ชาวต่างชาติผู้นั้นต้องได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต้องผ่านการตรวจเข้าเมืองตามกฎหมาย ต้องเข้ามาประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งหากเจ้าของห้องท่านใดไม่ปฎิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นั่นเองค่ะ สำหรับในส่วนของวิธีการแจ้งตม. 30 นั้น สามารถทำได้ 3 วิธีด้วยกัน ดังนี้ 1. แจ้งด้วยตนเอง หรือ มอบหมายให้คนอื่นนำเอกสารมาแจ้ง – ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการแจ้งรับคนต่างชาติเข้าพักอาศัย http://bangkok.immigration.go.th/download/tm30.doc – ภายในแบบฟอร์มจะประกอบด้วยเอกสาร 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ให้กรอกข้อมูลของเจ้าบ้าน เจ้าของ หรือผู้ครอบครองเคหะสถาน รวมถึงที่ตั้งของสถานที่ที่มีคนต่างชาติเข้าพัก แล้วลงชื่อผู้แจ้งให้เรียบร้อย ส่วนที่ 2 จะเป็นบัญชีรายชื่อคนต่างด้าวที่เข้าพักอาศัย ให้เจ้าบ้านกรอก ชื่อคนต่างด้าว สัญชาติ เลขหนังสือเดินทาง วันเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ประเภทวีซ่า วันครบกำหนดอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย ช่องทางเข้า เลขที่บัตรขาเข้า (บัตรตม.6 ที่แนบมากับหนังสือเดินทาง) และ ความเกี่ยวพัน โดยในส่วนนี้ให้อิงข้อมูลจากหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติเป็นหลัก และใช้วิธีพิมพ์หรือเขียนในการกรอกข้อมูลเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นการเขียนให้เขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด และควรเว้นช่องว่างระหว่าง ชื่อ ชื่อกลาง และนามสกุลให้ชัดเจน – นำแบบฟอร์มที่กรอกเสร็จเรียบร้อยไปยื่น โดยถ้าเคหสถานนั้นที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ให้แจ้งที่ แจ้งที่ช่องบริการ ‘แจ้งที่พักอาศัย’ ที่ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ ตามวันและเวลาราชการ แต่กรณีที่เคหสถานนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ...
Read More จริงหรือไม่!? ซื้อคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า หากไม่ระวัง อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน?
แน่นอนว่าคอนโดฯ แต่ละแห่งในปัจจุบันส่วนใหญ่มักจะมีจุดขายคล้ายๆ กันคือ “ติดรถไฟฟ้า” แต่รู้หรือไม่คะ ไม่ใช่คอนโดฯ ทุกแห่งที่ติดรถไฟฟ้านั้นจะน่าลงทุนไปเสียทั้งหมด เพราะบางแห่งก็อาจไม่ได้ติดรถไฟฟ้าถึงขนาดเดินทางได้สะดวก หรือ อยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ซึ่งถ้าหากเราไม่ระวัง ก็อาจปล่อยเช่ายาก หรือ ได้ราคาไม่ดี ดังนั้น วันนี้เราจะพามาดูว่า คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าแบบไหนถึงจะคุ้มค่าการลงทุน . :: ติดรถไฟฟ้า แต่ระยะไม่ควรไกลเกิน 500 ม. :: สำหรับ คอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้าที่น่าลงทุนนั้น ควรจะเป็น คอนโดฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเกิน 500 เมตร หรือถ้าจะให้ดีควรอยู่ไม่ไกลเกิน 200 เมตร เพราะสะดวกต่อการเดินทางมากกว่า ลองนึกภาพว่าคุณเป็นผู้อยู่อาศัยตรงนั้น หากคอนโดฯ ไกลจากสถานีมาก ๆ เกินกว่า 500 เมตร คุณอาจไม่อยากเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว ต้องอาศัยรถหรือเรียกมอเตอร์ไซค์เพื่อต่อไปยังสถานีอีกที ทำให้จุดขายอย่าง “ติดรถไฟฟ้า” ไม่ใช่จุดขายสำคัญอีกต่อไป . :: เดินง่าย ทางสะดวก และไม่เปลี่ยว :: ก่อนที่จะลงทุนซื้อคอนโดฯ ติดแนวรถไฟฟ้าเพื่อปล่อยเช่า ควรเดินสำรวจเส้นทางจากสถานีมายังคอนโดฯ ด้วยว่า ทางเดินนั้นเดินได้สะดวกไหม เปลี่ยวหรือเปล่า มีสิ่งขีดขวางอะไรหรือเปล่า เช่น มีไซต์ก่อสร้าง ทำถนน ฯลฯ และระหว่างทางเดินมีร่มเงาจากต้นไม้บ้างหรือไม่ เนื่องจากประเทศเราเป็นประเทศร้อน ดังนั้น การที่มีต้นไม้คอยช่วยให้ร่มเงา ก็จะช่วยให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางได้ และผู้เช่าส่วนใหญ่ย่อมต้องการความสะดวกสบายในส่วนนี้ . :: รอบสถานีต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก :: ไม่ใช่ว่าแค่มีรถไฟฟ้าไปถึงแล้ว พื้นที่ตรงนั้นจะเจริญขึ้นมาทันตา และ เป็นทำเลทองที่สามารถทำกำไรให้กับเราได้เลยทันที มนุษย์เราต้องการความสะดวกสบาย และความสะดวกสบายนั้นต้องตอบโจทย์ความต้องการอย่างรอบด้านด้วย ดังนั้น ก่อนลงทุนควรมองหาคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า ที่อยู่ในพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ . :: ปลอดภัยพิบัติ :: หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ ดังนั้นก่อนลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงในข้อนี้ด้วย เพราะหากคุณลงทุนกับคอนโดฯ ...
Read More ตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ ในยุค Aging Society
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะเห็นได้จากสัดส่วนของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจากสถิติจำนวนผู้สูงอายุประเทศไทย จาก กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ในปี 2560 มีจำนวนผู้สูงอายุราว 10.2 ล้านคน และในปี 2561 มีผู้สูงอายุราว 10.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4 แสนกว่าคน ซึ่งคาดว่าในปีนี้ และ ปีจำนวนประชากรผู้สูงอายุน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . นอกจากนี้ จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าในปี 2573 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงวัยเพิ่มขึ้นเป็น 19% กลายเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ . ด้วยแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ที่ผ่านมา ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เริ่มเข้ามาเจาะตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมด้านการเงิน และกำลังซื้อสูง โดยโครงการเพื่อผู้สูงอายุในปัจจุบันที่เห็นกันในปัจจุบันมีหลายโครงด้วยกัน ตัวอย่างเช่น แสนสรา แอท แบคเม้าท์เท่น, กมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง ที่เน้นเจาะตลาดผู้สูงอายุระดับ Hi-end หรือคอนโดฯ โครงการใหม่ติดรถไฟฟ้า ของ AP ที่เน้นเจาะกลุ่มคนสูงวัยรุ่นใหม่ (The Young Old) ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในกลุ่มคนสูงวัยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า . โดยจุดร่วมที่เหมือนกันของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุก็คือ การสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์สำหรับคนกลุ่มนี้มากที่สุด ซึ่งหลายๆ โครงการจะเน้นไปที่ Universal Design หรือการออกแบบที่ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการใช้งานส่วนต่างๆ ของโครงการได้ เช่น การทำลิฟท์ให้กว้าง มีทางลาด ทางเดิน ที่ได้มาตรฐานและสะดวก ปลอดภัย . ทั้งนี้ สำหรับภายในห้องพัก ก็จะมีการออกแบบและผสมผสานนวัตกรรมการอยู่อาศัยต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุโดยเฉพาะ (Eldercare) อย่างเช่น มีอุปกรณ์เสริมช่วยทรงตัวตามห้องต่างๆ เตียงที่ใช้ สามารถปรับระดับได้ตามต้องการ มีระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ และพื้นลดแรงกระแทก เป็นต้น . การสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากจะเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่มีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ยังเป็นการผลักดันให้วงการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวตามด้วย เริ่มด้วยการสร้างสถาปัตยกรรมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มบริการต่างๆเพิ่มเติม อย่างเช่น การจัดหาคนมาดูแลผู้สูงอายุ จัดเตรียมอาหาร หรือกิจกรรมยามว่างให้ ...
Read More
